5 เรื่องราวน่ารู้ ก่อนดู “Wicked”

ทรูวิชั่นส์ร่วมฉลองการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของละครมิวสิคัลแฟนตาซีที่ทุกคนรอคอยแห่งปี “วิคเค็ด (Wicked)” ที่มีคิวฉายวันแรกในโรงภาพยนตร์วันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ กับ 5 เรื่องราวเบื้องหลังที่น่ารู้ ที่จะทำให้คุณซาบซึ้งไปกับภาพยนตร์เรื่องนี้ยิ่งขึ้น

1. กำเนิดแม่มดแห่งออซ

หลังจากวรรณกรรมเด็กเรื่อง “The Wizard of Oz” ผลงานการประพันธ์ของ แอล. แฟรงค์ บาม์ (L. Frank Buam) ถูกหยิบขึ้นมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และละครเวที จนโด่งดังและได้รับความนิยมมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี

ในปี ค.ศ. 1995 เกรกอรี แม็กไกวร์ (Gregory Maguire) นักประพันธ์ชาวอเมริกัน จึงได้หยิบยกเอาเรื่องราวของโลกแห่งพ่อมดออซมาตีความใหม่ ในชื่อ “Wicked, Confessions of an Ugly Stepsister” ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปยังอดีตในช่วงเริ่มต้นการเป็นแม่มดของ เอลฟาบา แม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้าย กับ กลินดา แม่มดใจดีแห่งภาคใต้ แต่เขาได้แอบสอดแทรกประเด็นทางการเมืองและสังคมเข้าไป จนหลายคนมองว่ารุนแรงเกินไปสำหรับเด็ก

ในช่วงแรกนวนิยายเรื่องนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายมากนัก กระทั่งปี 2003 ที่มาร์ค แพลตต์ (Marc Platt) กับ เดวิด สโตน (David Stone) คู่หูโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และละครเวทีผู้มีสายตาคมกริบ ได้หยิบเอาบทประพันธ์ไปส่งให้กับวินนี่ โฮลซแมน (Winnie Holzman) ปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับละครเพลงบรอดเวย์

และมอบหน้าที่ให้สตีเฟน ชวาร์ตซ์ (Stephen Schwartz) นักประพันธ์เพลงชั้นครู (เขาเป็นผู้แต่งเพลง When You Believe จากภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง The Price of Egypt อันโด่งดัง) เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องและดนตรีทั้งหมด พร้อมกับได้นักร้องนักแสดงเสียงคุณภาพ ไอดินา เมนเซล (Idina Menzel) มารับบทเอลฟาบา กับ คริสติน เชโนเวท (Kristin Chenoweth) มารับบทกลินดา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ชม จนส่งผลให้หนังสือกลับมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่าต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ปี และได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวรรณกรรมอันทรงคุณค่า ที่เป็นต้นแบบให้กับนักเขียนรุ่นใหม่ดำเนินรอยตาม

2016 Steven Richard Photography

2. การันตีคุณภาพด้วยรางวัลมากมาย

หลังการเปิดตัวครั้งแรกบนเวทีบรอดเวย์ 10 มิถุนายน 2003 “Wicked” ได้รับเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้นจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ ทำรายได้สูงถึง 1.6 ล้านเหรียญจากการแสดงในแต่ละสัปดาห์ และยิ่งทะยานพุ่งสูงขึ้นไปอีกหลังจากกวาดรางวัลโทนี่ (Tony Awards) มาได้ถึง 3 รางวัล และรางวัลดรามาเดสก์ (Drama Desk Awards) อีก 7 รางวัล พร้อมกับรางวัลแกรมมี่จากเพลงประกอบ

ปี 2017 Wicked ได้ตอกย้ำความสำเร็จอีกครั้งด้วยการทำลายสถิติรายได้ของละครเวทีเรื่อง “The Phantom of the Opera” ขึ้นแท่นละครเวทีที่มีรายได้สูงเป็นอันดับสองของบรอดเวย์ รองจากเรื่อง “The Lion King”

ปัจจุบัน ละครเวทีเรื่อง "Wicked" ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในละครเวทีที่ประสบความสำเร็จและทรงอิทธิพลที่สุดในยุคปัจจุบัน โดยมียอดผู้ชมทั่วโลกกว่า 65 ล้านคน ในกว่า 100 เมือง 16 ประเทศทั่วโลก และทำรายได้รวมกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

3. จากละครเวทีสู่แผ่นฟิล์ม

มาร์ค แพลตต์ เผยว่าเคยได้รับการติดต่ออย่างมากมายมาตลอด ในการขอนำเอาละครเพลงไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ แต่เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้เขาต้องตอบปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดาย

กระทั่งทุกอย่างลงตัว แพลตต์จึงตัดสินใจให้ปล่อยให้เอลฟาบาและกลินดาโบยบินขึ้นจอเงินเสียที ซึ่งเวอร์ชั่นภาพยนตร์นี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถขยายและสำรวจจักรวาลของ Wicked ในมิติต่างๆ ที่ไม่สามารถทำได้ในรูปแบบของละครเวที

เขารีบติดต่อกับทีมสร้างสรรค์ผลงานทีมเดิม ทั้งวินนี่ โฮลซ์แมน และสตีเฟน ชวาร์ตซ์ ให้กลับมาร่วมแต่งแต้มสีสันให้กับโลกแห่งพ่อมดออซใหม่อีกครั้ง

หนึ่งในความเซอร์ไพรส์คือการเลือก จอน เอ็ม. ชู (Jon M. Chu) ผู้กำกับมากความสามารถ ที่มีผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians อันโด่งดัง ให้มารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แทนที่จะเป็นผู้กำกับชาวตะวันตกที่มีชื่อเสียงด้านการกำกับภาพยนตร์มิวสิคัล

แพลตต์กล่าวว่า “จอนมีความสามารถในการกำกับภาพ แต่สิ่งที่ผมชื่นชอบที่สุดคือหัวใจและความเป็นมนุษย์ของเขา Wicked เป็นเรื่องราวของมนุษยชาติ เกี่ยวกับผู้คน และ Wicked ก็แสดงความรู้สึกออกมาอย่างตรงไปตรงมา เช่นเดียวกับจอน เขาเกิดมาเพื่อกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของจอน สตีเฟน และวินนี่ พวกเราร่วมกันสร้างโลกที่สามารถเกิดขึ้นได้บนจอภาพยนตร์เท่านั้น”

เช่นเดียวกันกับชู ที่ต้องการสร้างเรื่องราวให้ผู้ชมได้ดื่มด่ำกับดินแดนออซ และทำความรู้จักกับเบื้องลึกเบื้องหลังตัวละครเหล่านี้ด้วยประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

AOL.com 

4. พักการเป็นดีว่า มาทำหน้าที่แม่มด

หลังจากควานหาตัวนักแสดงที่เหมาะสมกับบท 2 แม่มดเพื่อนซี้ ในที่สุดชูก็ตัดสินใจเลือก ซินเธีย เอริโว่ (Cynthia Erivo) นักร้องนักแสดงเจ้าของรางวัลโทนี่และแกรมมี่มารับบทเอลฟาบา ทรอปป์ แม่มดเขียว และมอบหน้าที่การเป็นกลินดา ให้แก่นักร้องเสียงหวาน อารีอานา กรานเด (Ariana Grande) ซึ่งทั้งคู่ต่างดีใจร้องห่มร้องไห้หลังจากได้รับข่าวดีที่น่าปลาบปลื้มยิ่ง

ซึ่งภายหลังอารีอานาได้เผยว่า การได้แสดงเป็นกลินดาคือฝันที่เป็นจริง เนื่องจากเธอเองเป็นแฟนตัวยงของละครเวทีเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก

แม้ว่าทั้งคู่จะมีประสบการณ์การแสดงละครเวทีมาอย่างโชกโชน แต่การถ่ายทอดบทบาทของตัวละครที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบนั้น กลับทำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่ต้องทำหน้าที่แสดงออกมาให้ได้ดีที่สุด

NBC Universal 5. นักแสดงสมทบล้วนมากฝีมือ

นอกจาก 2 นักร้องสาวที่ทำหน้าที่รับบทนำใน Wicked เวอร์ชั่นภาพยนตร์แล้ว ยังมีทีมนักแสดงมากฝีมือมาร่วมแสดงอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น

• เจฟฟ์ โกลด์บลุม (Jeff Goldblum) นักแสดงหนุ่มใหญ่วัย 72 ที่มีประสบการณ์ด้านการแสดงมาแล้วมากมาย กับบทบาทของพ่อมดออซ
• ซือเจ๊ มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) เจ้าของรางวัลออสการ์นำหญิง จาก Everything Everywhere All at Once กับบทมาดามมอร์ริเบิล (Madame Morrible) หัวหน้าคณะเวทย์มนต์แห่งมหาวิทยาลัยชิซ ผู้ค้นพบพลังอันลึกลับของเอลฟาบา
• โจนาธาน เบลีย์ (Jonathan Bailey) นักแสดงหนุ่มหล่อผู้ถ่ายทอดบท ฟิเยโร ทิกีลาร์ มกุฎราชกุมารเจ้าสำราญแห่งแว็งกี เคาน์ตี ที่ครองใจแม่มดสาวทุกทั่วหัวระแหง
• อีธาน สเลเตอร์ (Ethan Slater) นักแสดงบรอดเวย์ชื่อดังเจ้าของรางวัลโทนี่ กับบทของโบก (Boq) ชายหนุ่มผู้แอบหลงรักแม่มดสาวคนสวยจนหมดหัวใจ
• มาริสซา โบดี (Marissa Bode) นักแสดงสาวหน้าใหม่ผู้ถ่ายทอดบทบาทของเนสซาโรส น้องสาวผู้พิการที่เอาแต่ใจของเอลฟาบา
• 
  

นอกจากนี้ยังมีทีมนักแสดงนักเต้นผู้ช่ำชองละครเวทีมาร่วมสร้างสีสันให้กับโลกแห่งเวทย์มนต์แห่งนี้อีกมากมาย

ใครที่อยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของ “Wicked” ภาพยนตร์มิวสิคัลแฟนตาซีเรื่องยิ่งใหญ่ของปีนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ห้ามพลาดชมรายการ “ต้านแรงโน้มถ่วง: เปิดม่านวิคเค็ด (Defying Gravity: The Curtain Rises on Wicked)” ที่จะพาคุณโลดแล่นไปชมดินแดนแห่งพ่อมดออซในทุกแง่มุม ร่วมพูดคุยกับผู้กำกับ ทีมนักแสดง และผู้อยู่เบื้องหลัง รวมถึงรับชมฉากสำคัญที่คัดมาให้ได้ชมก่อนดูในโรงภาพยนตร์ วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน เวลา 19.30 น. ทางช่อง True Movie Hits, 20.00 น. ทางช่อง True Film 1 และ 20.30 น. ทางช่อง True Film 2