สื่อมะกันเผยเชลซีเอาจริง หวังคว้าไกเซโด้เข้าก๊วนอีกราย

เชลซี ถือเป็นทีมที่สร้างความฮือฮาในตลาดนักเตะช่วงหน้าหนาว แม้ว่าฟอร์มการเล่นจะไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เรื่องการเสริมทัพถือเป็นอันดับหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้จัดการคว้าตัวนักเตะใหม่อย่าง ชูเอา เฟลิกซ์ ที่ยืมตัวมาจาก แอตเลติโก มาดริด, เบอนัวต์ บาเดียชิล กองหลังจาก โมนาโก และ มีไคโล่ มูดริค ปีกดาวรุ่งจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ที่มีราคามหาศาลถึง 88.5 ล้านปอนด์ หรือราว 3,570 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะใช้เงินเสริมทัพในตลาดนักเตะเดือนมกราคมไปมากโขแล้ว แต่ดูเหมือนว่า ท็อดด์ โบลี่ห์ เจ้าของทีมชาวอเมริกันยังคงไม่พอใจ และยังต้องการใช้เงินเสริมนักเตะใหม่เข้ามาอีก โดย เดลี่เมล์ สื่อของอังกฤษรายงานไปก่อนหน้านี้ว่า เชลซี กำลังอยากได้ตัวสองนักเตะจาก ไบรท์ตัน ทีมคู่แข่งร่วมลีก นั่นคือ มอยเซส ไกเซโด้ กองกลางทีมชาติเอกวาดอร์ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ กองหน้าทีมชาติเบลเยี่ยม เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม

ล่าสุด ซีบีเอส สปอร์ตส อีกหนึ่งสื่อกีฬาจากสหรัฐฯ ได้รายงานไปในทิศทางเดียวกันกับ เดลี่เมล์ ว่า เชลซี กำลังต้องการนักเตะจาก ไบรท์ตัน จริง ซึ่งคนคนนั้นก็คือ ไกเซโด้ ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นให้กับทีมนกนางนวล โดยรายงานจาก ซีบีเอส ระบุว่าทีมสิงโตน้ำเงินครามพร้อมจะทุ่มเงินก้อนโตถึง 65 ล้านปอนด์ หรือราว 2,622 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตัวของกองกลางเอกวาดอร์รายนี้

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าข้อเสนอดังกล่าวยังไม่น่าที่จะทำให้ ไบรท์ตัน ยอมปล่อยมิดฟิลด์วัย 21 ปีออกจากทีมในช่วงกลางฤดูกาล โดยสื่อดังกล่าวเชื่อว่า เชลซี อาจต้องเพิ่มเงินเป็น 75 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3,025 ล้านบาท เพื่อเป็นการโน้มน้าวให้ ไบรท์ตัน ยอมรับข้อเสนอ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นไปตามรายงานข่าว นั่นจะทำให้ เชลซี ต้องใช้เงินมหาศาลในการดึงตัวนักเตะจาก ไบรท์ตัน อีกแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยทุ่มเงินกว่า 62 ล้านปอนด์ (2,500 ล้านบาท) คว้าตัว มาร์ก กูกูเรย่า แบ็กซ้ายชาวสเปนมาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หากว่า เชลซี ใช้เงิน 75 ล้านปอนด์ในการดึงตัว ไกเซโด้ มาร่วมทีมจริงๆ นั่นจะทำให้ทีมสิงห์บลูส์จ่ายเงินไปมากกว่า 188 ล้านปอนด์ หรือราว 7,583 ล้านบาท ในตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้ ซึ่งยังไม่รวมกับการเสริมทัพในตลาดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่ง เชลซี ควักกระเป๋าไปมากกว่า 234 ล้านปอนด์ หรือราว 9,438 ล้านบาท ในการดึงนักเตะใหม่เข้ามา 6 ราย รวมแล้วจะใช้เงินเกินกว่า 420 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 16,940 ล้านบาทเลยทีเดียว