เพียงไม่นาน ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ดำเนินมาเกือบจะถึงครึ่งฤดูกาลแล้ว หลังลงเล่นไปแล้ว 16 นัด และในสัปดาห์นี้ก็จะเป็นเกมนัดที่ 17 ของฤดูกาล พร้อมกับการมาถึงของศึกแดงเดือดขบวนแรกของซีซั่น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะเล่นที่ แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคมนี้
การเจอกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเกมที่อยู่ในความสนใจของคอบอลอยู่เสมอ ไม่ว่าในช่วงเวลานั้นฟอร์มของทั้งสองทีมจะเป็นแบบใดก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมามักจะมีคำกล่าวว่า การเจอกันระหว่างทั้งสองทีม ต้องเอาฟอร์มการเล่นที่ผ่านมาวางลงไปก่อน เพราะนี่เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีใครยอมใคร ต่อให้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังอยู่ในฟอร์มที่ย่ำแย่ แต่ก็พร้อมที่จะสร้างความลำบากให้กับอีกฝ่ายอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี คำพูดดังกล่าว หลังๆ มักใช้ไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันดีว่า ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่แกร่งกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลของพวกเขาไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอกว่า รวมถึงความสำเร็จต่างๆ ที่สำคัญ การเจอกันในระยะหลังก็มักจะเป็นทีมหงส์แดงที่ทำได้ดีกว่า
สถิติในการพบกัน 10 นัดหลังสุดของคู่นี้ในทุกรายการ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายชนะไป 5 ครั้ง เสมอ 3 ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะได้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น แถม 8 ครั้งหลังสุดที่เล่นใน แอนฟิลด์ ทีมหงส์แดงยังไม่เพลี่ยงพล้ำให้กับทีมปีศาจแดงเลย และยังชนะไปได้ถึง 5 เกม ผลงานเมื่อปีก่อนคือเกมที่แฟนปีศาจแดงทุกหมู่เหล่าไม่อยากจะจดจำ นั่นก็คือเกมที่ ลิเวอร์พูล ไล่ถล่มคู่แค้นของพวกเขาไปอย่างขาดลอย 7-0
ถ้าจะหาว่าเกมไหนคือเกมล่าสุดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ถึง แอนฟิลด์ ได้นั้น ก็ต้องย้อนไปไกลถึงเดือนมกราคม ปี 2016 ซึ่งในเกมนั้นพลพรรค เร้ด เดวิลส์ บุกมาเอาชนะไปได้ 1-0 จากประตูชัยของ เวย์น รูนี่ย์ ในนาทีที่ 78 ในยุคสมัยที่ยังมีกุนซือชื่อ หลุยส์ ฟาน กัล
จากสถิติดังกล่าว เห็นได้ชัดเลยว่าทีมปีศาจแดงเป็นรองอย่างชัดเจน และในเกมที่พวกเขากำลังจะดวลกันในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กำลังอยู่ในความเสี่ยงที่อาจจะต้องผิดหวัง หลังจากที่ปีนี้ฟอร์มการเล่นของพวกเขาไม่มีความคงเส้นคงวา เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะ หรือพูดง่ายๆ ก็คือไม่มีมาตรฐาน เกมนี้เล่นดี แต่เกมถัดไปอาจจะเล่นแย่ โดยที่ไม่ต้องการเหตุผลและความเข้าใจใดๆ
นอกจากนี้ ยังเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนัก ล่าสุด ก็ต้องมาเสียกำลังสำคัญในแนวรับอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ ลุค ชอว์ เพิ่มอีก หลังทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บมาจากเกมที่พ่าย บาเยิร์น มิวนิค ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทีมปีศาจแดงเก็บได้แค่ 4 แต้มในรอบแบ่งกลุ่ม จบในอันดับบ๊วย กระเด็นตกรอบไปเป็นที่เรียบร้อย
เท่านั้นยังไม่พอ ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายคาบ้านต่อ บอร์นมัธ ไปอย่างสุดเซอร์ไพรส์ถึง 0-3 นั้น กองกลางกัปตันทีมอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็ดันสะสมใบเหลืองครบโควต้า โดนแบนในเกมที่จะต้องออกไปเยือน ลิเวอร์พูล พอดี ซึ่งการขาดหายไปของกองกลางทีมชาติโปรตุเกส จะส่งกระทบต่อเกมของทีมปีศาจแดงอย่างแน่นอน เพราะตัวที่มีอยู่ตอนนี้ มองไปทางไหนก็ไม่มีใครทดแทนได้
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเหล่าผู้สันทัดกรณีต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า เป็นเรื่องที่ยากมากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะรอดพ้นจากความพ่ายแพ้กลับออกมาได้ เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็ยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะเอาตัวรอดกลับออกมาได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่เคยชนะทีมที่อยู่ในกลุ่มท็อป 8 ขึ้นไปได้เลยแม้แต่เกมเดียวในฤดูกาลนี้
นอกจากนี้ ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ อนาคตของ เอริค เทน ฮาก จะยังมั่นคงอยู่หรือไม่ หากว่าเขาพาทีมปีศาจแดงเอาตัวรอดกลับออกมาจาก แอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์นี้ไม่ได้ ซึ่งเท่ากับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะแพ้เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันในทุกรายการ ตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก และจะถูกจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล ทิ้งห่างในพรีเมียร์ลีกเพิ่มเป็น 13 คะแนน ถูกตัดออกจากการลุ้นแชมป์แบบไม่เป็นทางการ ทั้งๆ ที่ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งทางของซีซั่น
ที่สำคัญ กุนซือคนหลังๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างตกงานเพราะแพ้ ลิเวอร์พูล กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และมาคราวนี้ เทน ฮาก กำลังจะกลายเป็นอีกราย ที่อาจจะตกงานเพราะแพ้ทีมคู่ปรับตลอดกาล แต่ก็อาจจะต้องมีวงเล็บเอาไว้นิดหนึ่งด้วยว่า คงต้องเป็นความปราชัยที่ย่อยยับเท่านั้น ถ้าหากว่าแพ้แต่เกมออกมาไม่ได้เป็นรองมากและไม่ได้โดนยิงขาดลอย ก็อาจจะยังต่อลมหายใจออกไปได้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่พูดมาทั้งหมดคือความน่าจะเป็นที่ดูตามหน้าเสื่อ แต่ในความเป็นจริงขึ้นชื่อว่าเป็นเกมฟุตบอลแล้ว แถมยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีแบบนี้ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และหลายๆ ครั้งที่คู่นี้เวลาที่เจอกัน ทีมที่มีฟอร์มการเล่นที่เหนือกว่า ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายชนะอยู่ร่ำไป มีหลายครั้งที่ทีมที่เป็นรองกลับเล่นได้ดีกว่าและเอาชนะไปได้ ดังนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังย่ำแย่ อาจจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรบางอย่างออกมาในเกมแดงเดือดวันอาทิตย์นี้ได้เช่นกัน...
ศึกแดงเดือดขบวนแรกของฤดูกาลนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด จะสู้กันอย่างเข้มข้นแค่ไหน คอบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องไม่พลาด ติดตามการถ่ายทอดสดได้ที่ ทรูวิชั่นส์ ที่เดียวเท่านั้น วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคมนี้ เวลา 23.30 น. ทางช่อง True Premier Football 1, 2 (ช่อง 600, 602) และ True 4K (ช่อง 400)
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial