ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดซูเปอร์บิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล จะเปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ แมนฯ ซิตี้ โดยเกมนี้ ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่น แม้ว่าจะมีปัญหานักเตะบาดเจ็บ แต่ก็ยังรันผลงานเอาชนะมาได้เรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ก็ 7 เกมติดต่อกันแล้วในทุกรายการ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ก็สุดยอดไม่แพ้กัน เพราะไม่แพ้ใครมา 20 เกมติดต่อกันแล้วในทุกถ้วย และเป็นการชนะได้ถึง 18 เกม นอกจากนี้ 5 เกมหลังสุดก็ชนะมาได้ทั้งหมด ดังนั้นเกมนี้อาจจะเป็นเกมตัดสินแชมป์อย่างไม่เป็นทางการได้ เพราะถ้าใครชนะจะได้ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงเดี่ยวๆ ทันที
พรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล พบ แมนฯ ซิตี้
สนาม : แอนฟิลด์
เวลา : 22.45 น. อาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2567
ถ่ายทอดสดทาง : True Premier Football 1, 2 (ช่อง 600, 602), True 4K (ช่อง 400)
ลิเวอร์พูล
หลังจากที่ทีมหงส์แดงเสียสถิติแพ้เป็นเกมแรกในรอบ 12 นัดในทุกรายการ ในเกมที่บุกไปพ่ายต่อ อาร์เซน่อล ไป 3-1 เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่แพ้ใครอีกเลย โดยชนะ 7 เกมติดต่อกันในทุกรายการ ทั้งๆ ที่ต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บมากมาย ผลงานในเกมล่าสุดคือการบุกไปถล่ม สปาร์ต้า ปราก 5-1 ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าผ่านเข้ารอบ 8 ทีมอย่างไม่เป็นทางการ แม้ว่าจะเหลือเกมอีก 1 นัดในบ้าน ขณะที่เกมลีกนัดล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็บุกเฉือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 ในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย ทำให้ตอนนี้พวกเขาเก็บไปแล้ว 63 แต้มจากการลงเล่น 27 เกม รั้งอยู่อันดับ 2 ของตาราง โดยตามหลัง อาร์เซน่อล อยู่ 1 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด และนำหน้า แมนฯ ซิตี้ ที่ตามหลังมาแบบติดๆ แค่ 1 แต้ม นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องชนะเกมนี้สถานเดียวเท่านั้น หากว่าอยากจะกลับไปนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง เนื่องจากผลต่างประตูได้เสียยังเป็นรองทีมปืนใหญ่
ในส่วนของสภาพทีมล่าสุดนั้น ลิเวอร์พูล มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บค่อนข้างมากเหมือนเดิม โดยพวกที่ยังเจ็บลงเล่นไม่ได้อย่างแน่นอนนั้นประกอบไปด้วย โฌแอล มาติป, ติอาโก้ อัลกันตาร่า, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ดีโอโก้ โชต้า, สเตฟาน บายเซติช, เคอร์ติส โจนส์, อลิสซง เบคเกอร์ และ ไรอัน กราเฟ่นแบร์ค แต่ข่าวดีคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับมาฟิตแล้ว ทำให้เกมนี้ ลิเวอร์พูล จะจัดทีมที่ดีที่สุดในระบบการเล่น 4-3-3 แนวรุกจะใช้สามประสานอย่าง ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอาซ ขณะที่แดนกลางจะมี โดมินิก โซโบซไล, วาตารุ เอ็นโด และ อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ คอยคุมเกม
แมนฯ ซิตี้
หลังจากที่ แมนฯ ซิตี้ เสียสถิติชนะรวดเป็นเกมที่ 12 ติดต่อกันในทุกรายการ หลังทำได้แค่เสมอกับ เชลซี ไป 1-1 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมาเก็บชัยชนะได้อีก 5 เกมติดต่อกันทันที โดยผลงานในเกมล่าสุดคือการเปิดบ้านเอาชนะ เอฟซี โคเปนเฮเก้น ไปแบบสบายๆ 3-1 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รวมผล 2 นัด แมนฯ ซิตี้ เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศไปด้วยสกอร์รวม 6-2 ขณะที่ผลงานในเกมลีกนัดล่าสุดก็เปิดบ้านเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแบบสบายๆ 3-1 เมื่อสัปดาห์ก่อน เท่ากับว่าตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่แพ้ใครมา 20 เกมติดต่อกันแล้วในทุกรายการ และยังเป็นการชนะได้ถึง 18 เกมอีกด้วย ทำให้ตอนนี้พวกเขาเก็บไปแล้ว 62 คะแนนจาก 27 นัด รั้งอยู่อันดับที่ 3 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล อยู่ 2 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด นั่นหมายความว่าถ้าพวกเขาบุกชนะ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ได้ จะขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงแต่เพียงผู้เดียวทันที
ในส่วนของสภาพทีมล่าสุดนั้น แมนฯ ซิตี้ จะยังไม่มี แจ็ค กรีลิช ที่ยังไม่หายเจ็บ ขณะที่ในรายของ มาเตอุส นูเนส และ เฌเรมี่ โดกู มีอาการเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่มีผลอะไรกับทีมเพราะตัวอื่นๆ ฟิตสมบูรณ์ทั้งหมด โดยเกมนี้ แมนฯ ซิตี้ จะมาในระบบการเล่น 4-1-4-1 แนวรุก เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ จะยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม และจะมีตัวสนับสนุนเกมรุกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ ฮูเลียน อัลวาเรซ โดยมี ฟิล โฟเด้น และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา คอยลากเลื้อยทางริมเส้น
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวิน เคลเลเฮอร์ : โจ โกเมซ, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน : โดมินิก โซโบซไล, วาตารุ เอ็นโด, อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ
แมนฯ ซิตี้ (4-1-4-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส : ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, เนธาน อาเก้ : โรดรี้ : แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฮูเลียน อัลวาเรซ, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น : เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
ความน่าจะเป็น : เป็นเกมที่อาจจะตัดสินชะตาการคว้าแชมป์อย่างแท้จริง แม้ว่าจะยังมี อาร์เซน่อล เป็นตัวสอดแทรกก็ตาม แต่ถ้าใครชนะเกมนี้จะได้ขึ้นเป็นจ่าฝูง และอาจจะไม่ถูกแซงอีกแล้วหลังจากนี้ เมื่อดูจากฟอร์มการเล่นของทั้งคู่ที่แทบจะไม่พลาดเลย นั่นทำให้เกมนี้จะเป็นเกมที่ต่อสู้กันอย่างระมัดระวังมาก อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่มีข้อได้เปรียบเรื่องความสมบูรณ์ของตัวผู้เล่นมากกว่า และนั่นอาจจะเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างในเกมนี้ รูปเกมน่าจะออกมาสูสีกันเพราะทันกันอยู่แล้วสำหรับทั้งสองทีม อยู่ที่ว่าใครจะคมกว่ากันในจังหวะสุดท้าย โอกาสออกได้ทั้งสามหน้า แต่เชื่อว่าโอกาสที่จะเสมอกันไปแบบมีสกอร์นั้นมีสูงที่สุด
สกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล เสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial