นูนเญซรับเจอคอมเมนท์เชิงลบ เป็นเหตุให้ลบรูปเกลี้ยงโซเชี่ยล

นูนเญซ ถูกโจมตีจากแฟนบอลในโลกออนไลน์อย่างหนัก หลังโชว์ผลงานไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นักกับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่สองของเจ้าตัว หลังย้ายมาจาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 85 ล้านปอนด์ หรือราว 3,950 ล้านบาท เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2022

แม้ว่ากองหน้าวัย 24 ปี จะทำไป 18 ประตูกับอีก 13 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 54 เกมรวมทุกรายการ ตลอดซีซั่นที่ผ่านมา แต่ที่เจ้าตัวถูกแฟนบอลและบรรดานักวิเคราะห์โจมตีนั้น ส่วนใหญ่มาจากจังหวะจบสกอร์ที่ไม่เฉียบขาด ใช้โอกาสเปลือง และมีหลายเกมที่ถ้าหาก นูนเญซ มีความคมในการจบสกอร์มากกว่าที่เป็นอยู่ ลิเวอร์พูล อาจจะมีลุ้นความสำเร็จได้มากกว่านี้ หลังจากที่ฤดูกาลที่ผ่านมาทีมหงส์แดงเคยมีช่วงเวลาที่ได้ลุ้นถึง 4 แชมป์ แต่สุดท้ายจบลงด้วยการคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ มาครองได้แค่รายการเดียว ส่วนในพรีเมียร์ลีกก็จบเพียงแค่อันดับ 3 เท่านั้น

นั่นทำให้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้ 4-2 ในเกมพรีเมียร์ลีก นูนเญซ ได้ทำการลบภาพของเขาที่เกี่ยวข้องกับ ลิเวอร์พูล ทั้งหมด ออกจากอินสตาแกรมส่วนตัวของเขา ทำให้มีข่าวลือตามมาว่าเขาหมดความอดทนที่จะค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์อีกต่อไป และพร้อมย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฤดูกาลจบลง ล่าสุด นูนเญซ ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า สาเหตุที่ทำให้เขาลบรูปออกจากโซเชี่ยลมีเดียนั้น เป็นเพราะเขาต้องเจอกับความคิดเห็นเชิงลบจำนวนมากจนมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ แต่ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว และตัดสินใจที่จะไม่สนใจคอมเมนท์ใดๆ บนโลกออนไลน์อีก

นูนเญซ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ผ่านทาง อีเอสพีเอ็น สื่อชื่อดังว่า "ตั้งแต่ช่วงที่คุณเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งไปจนถึงวันที่คุณแขวนสตั๊ด มันมักจะมีใครสักคนที่คอยตามด่าคุณอยู่เสมอ ก่อนหน้านี้ผมยอมรับว่าเข้าไปอ่านเยอะ และมันก็ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ"

"หากใครบอกว่าคอมเมนท์เชิงลบไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตัวเขา ผมบอกได้เลยว่ามันคือเรื่องโกหก พวกความเห็นเหล่านั้นมันจะพุ่งตรงมาหาคุณและทำให้คุณเจ็บปวดได้เสมอ"

"ตอนนี้ผมหลีกเลี่ยงคอมเมนท์เหล่านั้น เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไร ผมไม่อ่านความเห็นแย่ๆ ทางโซเชี่ยลเลย แม้กระทั่งเรื่องดีๆ ผมก็ไม่อ่านเช่นกัน หากว่าการลงเล่นฟุตบอลมันทำร้ายตัวผม ก็ขอให้ครอบครัวเป็นคนเยียวยาดีกว่า"

"พอมีหลายอย่างเกิดขึ้นมากๆ เข้า ผมก็รู้สึกโมโหขึ้นมา แต่ผมก็ยังพยายามที่จะหัวเราะและมีความสุขกับครอบครัว และไม่แสดงความหงุดหงิดใดๆ ออกมาให้ลูกชายผมเห็น อะไรที่เกิดขึ้นในสนาม มันผ่านไปแล้ว และสุดท้ายมันจะมีช่วงเวลาที่ได้เอาคืนเสมอ"