3ประเด็นที่น่าสนใจ หลังหงส์แดงบุกเฉือนเบิร์นลี่ย์

3ประเด็นที่น่าสนใจ หลังหงส์แดงบุกเฉือนเบิร์นลี่ย์
ชัยชนะเหนือ เบิร์นลี่ย์ 1-0 ของ ลิเวอร์พูล นั้น เป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะยังทำให้ทีมหงส์แดงยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อไป แม้ว่าคะแนนที่ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ จะยังมากถึง 9 แต้ม แต่ ลิเวอร์พูล ยังมีเกมในมือที่น้อยกว่า 1 นัด และถ้าพวกเขายังคงเก็บชัยชนะต่อไปแบบนี้ไปจนกระทั่งถึงเกมที่ไปเยือนทีมเรือใบสีฟ้าในเดือนเมษายน ถึงตรงนั้นการลุ้นแชมป์ที่แท้จริงอาจจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

การที่ต้องลงแข่งหลังจาก แมนฯ ซิตี้ ชนะไปก่อนอยู่เรื่อยๆ เป็นเหมือนไฟต์บังคับให้ ลิเวอร์พูล ต้องเล่นเพื่อชนะเท่านั้น นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมการมาเยือน เบิร์นลี่ย์ ในเกมนี้ถึงไม่ง่าย และยังไม่รวมไปถึงสภาพอากาศที่มีทั้งลมและฝน ดูไม่เป็นใจให้กับ ลิเวอร์พูล ที่ชอบเล่นบอลกับพื้นอย่างมาก ดังนั้นการเฉือนชนะกลับออกมาได้จึงทำให้เด็กหงส์ทุกหมู่เหล่าต้องเป่าปากออกมาอย่างโล่งอก


1. การจัดทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่กลับมาเลือกใช้งานสามประสาน SMF


ที่ผ่านมา มีหลายคนเชื่อว่าการขาดหายไปของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่ต้องไปรับใช้ชาติใน แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ น่าจะส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ไม่มากก็น้อย แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น


อาจจะมีบางเกมที่หลุดๆ ไปบ้าง แต่ในภาพรวมยังถือว่า ลิเวอร์พูล จัดการเรื่องนี้ได้ดี และที่สำคัญ การมาของ หลุยส์ ดิอาซ ที่ลงเล่นได้ทันทีและยังเข้ากับระบบการเล่นเหมือนอยู่กับ ลิเวอร์พูล มานาน ทำให้ คล็อปป์ มีทางเลือกในแดนหน้ามากขึ้น โดยที่ไม่ต้องพึ่งพา ซาลาห์ และ มาเน่ มากเท่าเดิม รวมถึง ดีโอโก้ โชต้า ที่กำลังเล่นได้เข้าฝัก ยิงประตูได้ต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ เกม ที่สามประสาน SMF ซาลาห์, มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ได้กลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แม้ว่าจะไม่มีใครยิงได้ในเกมนี้ แต่ก็ทำให้แฟนหงส์รู้สึกว่า Squad Depth ในแดนหน้าของทีมในเวลานี้ ดีที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


ไม่ว่าฤดูกาลหน้าจะเกิดอะไรขึ้น จะมีบางคนถูกขายออกไปหรือไม่ แต่ในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะมีแนวรุกชั้นยอดให้เลือกใช้แบบที่ต้องปวดหัวว่าจะเลือกใครดีกันเลยทีเดียว


2. ฟาบินโญ่ คีย์แมนคนสำคัญ


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ฟาบินโญ่ กลายเป็นนักเตะคนสำคัญมากที่สุดคนหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ที่ ซาลาห์ และ มาเน่ ไม่อยู่เพราะต้องไปเล่นทีมชาติ ปรากฏว่าเป็นกองกลางบราซิเลียนรายนี้ที่ช่วงยิงประตูสำคัญๆ ให้กับทีมได้หลายนัด


อย่างเช่นเกมเอฟเอ คัพ ที่เจอกับ ชรูว์สบิวรี่ ก็เป็น ฟาบินโญ่ ที่ยิง 2 ประตูในชัยชนะ 4-1 หนึ่งในนั้นคือการรับหน้าที่สังหารจุดโทษ และเป็นที่แน่นอนแล้วว่าถ้า ซาลาห์ ไม่ได้อยู่ในสนาม มือสังหารจุดโทษที่ไว้ใจได้มากที่สุดชั่วโมงนี้ของ ลิเวอร์พูล ก็คือ ฟาบินโญ่ เท่านั้น


หรืออย่างในเกมลีกที่ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 3-0 ก็ได้ ฟาบินโญ่ เป็นคนทำประตูเบิกร่องในช่วงก่อนจบครึ่งแรกนิดเดียว หรือจะเป็นเกมที่บุกไปชนะ คริสตัล พาเลซ ก็เป็น ฟาบินโญ่ ที่ยิงจุดโทษในนาทีที่ 89 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล หนี พาเลซ เป็น 3-1 ก่อนจะเอาชนะไปในท้ายที่สุด


ก่อนจะมาถึงในเกมล่าสุดก็เป็น ฟาบินโญ่ อีกแล้วที่อยู่ถูกที่ถูกเวลา ทำประตูสำคัญให้ ลิเวอร์พูล ออกนำ เบิร์นลี่ย์ ในนาทีที่ 40 ก่อนจะกลายเป็นประตูเดียวของเกม ช่วยให้ทีมเก็บ 3 คะแนนสำคัญกลับออกมาได้


แดนกลาง 3 คนของ ลิเวอร์พูล ตอนนี้อาจจะยังไม่ลงตัว 100% แต่คนที่จะต้องลงตลอดตอนนี้ต้องเป็น ฟาบินโญ่ เท่านั้น



3. การลุ้นแชมป์ที่ยังคงดำเนินต่อไป แต่ไม่มีเวลาให้ผิดพลาดแล้ว


อย่างที่บอกไปว่าการที่ ลิเวอร์พูล มีคะแนนตามหลัง แมนฯ ซิตี้ ค่อนข้างห่างถึง 9 แต้ม แม้ว่าจะมีเกมในมือน้อยกว่าหนึ่งนัด แต่นั่นไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก เพราะไม่มีอะไรการันตีว่า ลิเวอร์พูล จะเก็บชัยชนะในนัดตกค้างเกมดังกล่าวได้


นอกจากนี้ มีหลายครั้งที่ ลิเวอร์พูล มักจะลงเล่นทีหลัง แมนฯ ซิตี้ และส่วนใหญ่ทีมเรือใบสีฟ้าของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่ค่อยพลาด พวกเขามักจะชนะไปก่อน นั่นทำให้ทีมหงส์แดงต้องเล่นแบบบังคับชนะอยู่ตลอด ส่งผลให้ต้องเจอกับความกดดันอย่างช่วยไม่ได้ เพราะการที่ตามหลัง 9 แต้ม หมายความว่า ลิเวอร์พูล จะพลาดอีกไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเสมอหรือแพ้ ยิ่งถ้า แมนฯ ซิตี้ ลงเล่นก่อนและชนะไปก่อน หากว่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ลงเล่นทีหลังแล้วพลาดไม่ชนะ นั่นแปลว่าอาจจะต้องตามหลังห่าง 11 หรือ 12 แต้มทันที


ดังนั้น การบุกชนะ เบิร์นลี่ย์ ในเกมล่าสุดจึงทำให้การไล่ล่าจ่าฝูงของ ลิเวอร์พูล ยังคงดำเนินต่อไป แต่ในทางกลับกันพวกเขาก็ห้ามพลาดเลยเช่นกัน นี่จึงเป็นสถานการณ์ที่กดดันมากๆ เว้นเสียแต่ว่า แมนฯ ซิตี้ จะยอมสะดุดให้บ้าง แบบนั้นก็จะทำให้การลุ้นแชมป์มีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น


ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ไม่เคยมีใครที่ตามหลังจ่าฝูงห่างเกิน 12 แต้มสามารถคัมแบ็กกลับมาเป็นแชมป์ได้มาก่อน ดังนั้น ลิเวอร์พูล ต้องพยายามอย่าให้ช่องว่างระหว่างพวกเขากับ แมนฯ ซิตี้ ห่างไปมากกว่านี้


แม้จะมีคำกล่าวว่าสถิติมีไว้ทำลาย แต่ถ้าหากต้องตามหลัง แมนฯ ซิตี้ ชุดปัจจุบันนี้ไกลเกิน 12 แต้ม ในช่วงเวลาที่ฤดูกาลผ่านกลางเดือนกุมภาพันธ์ไปแล้ว คงไม่น่ามีใครกล้าคาดหวังว่าทีมของตัวเองจะคัมแบ็กกลับมาเป็นแชมป์ได้แน่นอน...

ภาพจากรายการสดของ True Visions

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial