หลังจากที่ต้องเลื่อนโปรแกรมกันออกไป ในที่สุดเกมที่แฟนบอลต่างรอคอยก็มาถึง "ศึกวันแดงเดือด" การปะทะกันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีก ที่จะแข่งขันกันในช่วงกลางดึกของวันอังคารที่ 19 เมษายนนี้ แน่นอนว่าทั้งสองทีมต่างก็ต้องการ 3 คะแนนด้วยกันทั้งคู่ และไม่ใช่แค่เกมนี้เกมเดียวเท่านั้น แต่เป็นทุกๆ เกมต่อจากนี้จนจบฤดูกาล หากว่าอยากจะบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งความหวังไว้
สำหรับ ลิเวอร์พูล นั้น การได้ 3 คะแนนในเกมนี้ นอกจากจะเป็นการเล่นงานคู่ปรับตลอดกาลต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองที่ แอนฟิลด์ แล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการลุ้นแชมป์ลีกของตัวเอง เพราะจะแซงขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงก่อนเป็นการชั่วคราว หลังจากที่ แมนฯ ซิตี้ ที่นำหงส์แดงอยู่ 1 แต้ม มีโปรแกรมจะลงเตะในคืนวันพุธนี้
นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล ที่ลงเตะก่อน ถ้าชนะได้ก่อน ย่อมโยนความกดดันไปให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไม่มากก็น้อย อาจจะไม่ใช่ทุกครั้งที่ทีมเรือใบสีฟ้าจะตื่นเต้นจนทำแต้มหลุดมือ แต่ในระยะหลังก็เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง ดังนั้นการเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้ในเกมนี้ เป็นสิ่งที่ ลิเวอร์พูล และเหล่า เดอะ ค็อป ทั่วโลก ต้องการเป็นอย่างยิ่ง
ทางด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ ราล์ฟ รังนิค นั้น ระยะหลังมีฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่เอามากๆ เพราะหาความแน่นอนอะไรไม่ได้เลย โอกาสที่จะชนะ, เสมอ หรือว่าแพ้ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และไม่จำกัดด้วยว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร
ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเช่นในเกมล่าสุดกับ นอริช ซิตี้ การที่พวกเขาได้เล่นในบ้าน แถมยังเจอบ๊วยอย่าง นอริช ถ้าเป็นทีมอื่นคงลงเล่นอย่างสบายใจ และคงจะเอาชนะไปได้แบบไม่ยากนัก แต่ถ้าง่ายๆ ก็ไม่ใช่ปีศาจแดง เพราะเกมนี้พวกเขาออกนำไปก่อน 2-0 ตั้งแต่ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ทุกอย่างดูไม่มีอะไรยาก แต่อยู่ดีๆ ก็มาเสียประตูง่ายๆ ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ต่อด้วยช่วงต้นครึ่งหลังก็มาโดนตีเสมออย่างรวดเร็ว ความได้เปรียบที่ทำมาหายวับไปกับตา
ในเกมนัดนั้น ถ้าไม่ได้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ระเบิดฟอร์มทำแฮตทริก คงบอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะหาโอกาสยิงประตูจนเอาชนะได้หรือไม่...
เทียบกับฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล แล้ว เหมือนกับอยู่กันคนละเลเวล ยิ่งถ้าใครได้ดูการดวลระหว่างหงส์แดงกับ แมนฯ ซิตี้ ในสองเกมล่าสุดที่เพิ่งจะพบกันในเกมลีกและเอฟเอ คัพ คงจะสัมผัสได้ว่าฟุตบอลที่คุณภาพสูงมากๆ นั้นเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะเกมลีกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ที่ แมนฯ ซิตี้ เสมอกับ ลิเวอร์พูล ไป 2-2 เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ระดับการเล่นของสองทีมนี้นั้นสูงแค่ไหน และแน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ ยังไม่ได้อยู่ในระดับนั้น ที่ผ่านมาในอดีตอาจจะเคยทำได้ แต่ไม่ใช่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากระดับความฟิตที่ทีมปีศาจแดงมีน้อยกว่าทีมชั้นนำอื่นๆ แล้ว ความเข้าขารู้ใจหรือทีมเวิร์คก็ค่อนข้างต่ำเช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่าแค่การต่อบอลเพื่อสร้างเกมบุก ผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะจ่ายบอลให้ตรงเพื่อนยังทำไม่ได้ หรือไม่ก็ต่อบอลได้ไม่เกิน 6 ครั้งก็ทำบอลเสีย เป็นแบบนี้อยู่เสมอจนเป็นภาพจำ
ดังนั้นเกมแดงเดือดในวันนี้ ถ้าให้ต้องเดาผลการแข่งขัน คงยากที่จะมีใครกล้าคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะบุกไปเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ เอาแค่ผลเสมอยังยาก เหมือนอย่างที่ตัว ราล์ฟ รังนิค พูดไว้เองหลังเกมที่เอาชนะ นอริช มาแบบหืดจับเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ถ้าทีมของเขายังเล่นได้แค่นี้ คงยากที่จะมีแต้มในการไปเยือน ลิเวอร์พูล
ดังนั้น แดงเดือดในยุคนี้ อาจจะไม่เดือดสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้ามองจากในมุมของแฟน ลิเวอร์พูล เพราะถ้าเป็นเกมที่เดือดจริงๆ คงจะต้องเป็นการเจอกับคู่แข่งอีกฝั่งของเมืองแมนเชสเตอร์มากกว่า ไม่ใช่ฝั่งสีแดงในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าทุกคะแนนนั้นมีความหมายสำหรับทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล ต้องการชนะให้ได้ทุกเกมหลังจากนี้ และหวังว่า แมนฯ ซิตี้ จะสะดุดให้สักนัด ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาก็จะเป็นฝ่ายที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอง
ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้ว่าฟอร์มที่ผ่านมาจะออกแนวบ้าๆ บอๆ หามาตรฐานอะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงมีลุ้นที่จะจบฤดูกาลในพื้นที่ท็อป 4 อยู่ เนื่องจาก สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล ดันสะดุดเหมือนหยุดรอปีศาจแดงซะอย่างนั้น ทำให้ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีคะแนนตามหลัง สเปอร์ส ที่รั้งอันดับ 4 อยู่เพียง 3 แต้ม จากการลงเตะ 32 เกมเท่ากัน
ดังนั้นหากว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะให้ได้มากที่สุดใน 6 นัดที่เหลือ ในทางทฤษฎีแล้ว ก็อาจจะยังเป็นไปได้ที่จะมีลุ้นจบอันดับ 4
นั่นทำให้เกมนี้ กลายเป็นเกมที่มีความหมายมากๆ สำหรับทั้งสองทีม แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะดูดีกว่า และมีโอกาสชนะมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาได้เปรียบทั้งการเล่นในบ้าน สภาพทีมก็สมบูรณ์พร้อม ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากจะฟอร์มไม่ดีแล้ว คนที่เป็นความหวังสูงสุดของทีมอย่าง โรนัลโด้ ยังมาเจอข่าวเศร้าก่อนแข่งหนึ่งวัน เมื่อต้องสูญเสียหนึ่งในลูกแฝดที่ภรรยาเพิ่งคลอดไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้เรื่องนี้ ย่อมต้องส่งผลต่อสภาพจิตใจของเจ้าตัวแน่ๆ และก็ถ้าเจ้าตัวจะขอไม่ลงเล่นในเกมนี้ ทุกฝ่ายย่อมเข้าใจได้
แต่ในเมื่อเป็นศึกแฟ่งศักดิ์ศรี และมี 3 แต้มที่สำคัญเป็นเดิมพัน ต่อให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นรองมากแค่ไหน พวกเขาก็ต้องสู้เต็มที่ เพราะต่อให้ไม่ชนะ แต่ถ้าควักหนึ่งแต้มกลับออกมาได้ นั่นย่อมเป็นหนึ่งแต้มที่ใหญ่มากๆ รวมถึงยังเป็นการขัดขวางไม่ให้ ลิเวอร์พูล คู่ปรับของพวกเขาสมหวังได้ง่ายๆ อีกด้วย
สุดท้ายแล้วจะเป็นใครที่จะคว้าชัย จะเป็น ลิเวอร์พูล หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สมหวัง ติดตามการถ่ายทอดสดได้ทาง True Visions ที่นี่ที่เดียว ทางช่อง True Premier Football 1 และ 2 หมายเลข 600 และ 602 เวลา 02.00 น. ของคืนวันอังคารที่ 19 เมษายนนี้
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial