เชลซี ค่อนข้างขยับตัวช้าในตลาดนักเตะ จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครย้ายเข้ามาเพิ่ม ทั้งๆ ที่ต้องเสียนักเตะอย่าง อันเดรียส คริสเตนเซ่น และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่หมดสัญญา ซึ่งทั้งสองรายเป็นกองหลังทั้งคู่ ดังนั้นต้องการมีการหาแนวรับเพิ่มเข้ามา ไม่อย่างนั้นระยะยาวมีปัญหาแน่นอน
ขณะเดียวกัน กองหน้าก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ เชลซี ต้องหาเข้ามาเพิ่ม หลังจากที่ โรเมลู ลูกากู ตกลงย้ายกลับไปเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน แบบยืมตัวหนึ่งฤดูกาลแล้ว แต่จากการที่ขาเข้าเงียบกริบแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแฟนๆ ของทีมสิงห์บลูส์ต้องรู้สึกเซ็งไปตามๆ กัน
แต่กระนั้นก็เป็นที่เข้าใจได้ เพราะ เชลซี เพิ่งจะมีการเปลี่ยนเจ้าของรายใหม่ จาก โรมัน อบราโมวิช กลายมาเป็น ท็อดด์ โบห์ลี่ และกลุุ่มทุนของเขา และตอนนี้ก็กำลังมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารในหลายๆ จุด อย่างในรายของ มารีน่า กรานอฟสกาย่า ประธานบริหารสาวมือดี ที่เป็นคนของ อบราโมวิช ก็อำลาตำแหน่งไปเรียบร้อย และเชื่อว่าคงมีคนจากทางฝั่งเจ้าของรายใหม่เข้ามาทำงานแทน ด้วยเหตุนี้เองการเดินเข้าสู่ตลาดนักเตะของ เชลซี ในตอนนี้จึงมีความเชื่องช้า
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เดือนกรกฎาคม เชื่อว่า เชลซี น่าจะมีดีลอะไรให้ฮือฮากันบ้าง โดยเฉพาะในรายของ ชูลส์ กุนเด้ กองหลังจาก เซบีย่า ที่มีข่าวพัวพันมานาน และรายล่าสุดที่เป็นข่าวอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ของ แมนฯ ซิตี้ ที่ลือกันว่า เชลซี จะดึงมาร่วมทีมในซัมเมอร์นี้
ทั้งนี้ ขุมกำลังเดิมของ เชลซี เป็นทีมที่ค่อนข้างดีมากอยู่แล้ว ถ้าเสริมทัพตรงจุด ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าปีนี้พวกเขาอาจจะประสบความสำเร็จอะไรบางอย่างก็เป็นได้ ยิ่งเมื่อมองไปที่โปรแกรมพรีเมียร์ลีกของพวกเขาในฤดูกาลนี้ ก็ค่อนข้างเป็นใจมากพอสมควร
[พรีเมียร์ลีก 5 เกมแรกของทีมสิงโตน้ำเงินคราม งานไม่หนักมีลุ้นเก็บแต้มได้ยาวๆ]
โปรแกรม 5 นัดแรกของ เชลซี ถือว่าค่อนข้างดีใช้ได้เลย อาจจะต้องเจอกับ สเปอร์ส ตั้งแต่นัดที่สอง แต่ก็ยังเป็นเกมที่ได้เล่นในบ้าน นอกจากนี้อีก 4 ทีมที่เหลือก็ไม่ใช่คู่แข่งที่ยากอะไรนักสำหรับทีมอย่าง เชลซี ไม่ว่าจะเป็น เอฟเวอร์ตัน, ลีดส์ ยูไนเต็ด, เลสเตอร์ ซิตี้ และ เซาธ์แฮมป์ตัน
ถ้าว่ากันตามมาตรฐาน เกมที่ยากที่สุดมีแค่เกมที่เจอกับ สเปอร์ส เท่านั้น ที่เหลือถ้าว่ากันตามตรง เชลซี สามารถเอาชนะได้ทั้งหมด ถ้าหากพวกเขาออกสตาร์ทได้ดี มีโอกาสไม่น้อยเลยที่ 5 เกมแรก เชลซี จะไม่แพ้ใคร และดีไม่ดีอาจได้เห็นการเก็บชัย 5 เกมรวด หรืออาจจะเป็นชนะ 4 เสมอ 1 ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นหมายความว่าพวกเขามีสิทธิ์เก็บได้อย่างน้อย 12-13 แต้มตั้งแต่ 5 เกมแรก นั่นจะทำให้งานของ โธมัส ทูเคิ่ล ในการสู้ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
[โปรแกรมพรีเมียร์ลีก 2022-23 ทั้ง 38 นัดของ เชลซี]
สิงหาคม
- เอฟเวอร์ตัน (เยือน)
- ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (เหย้า)
- ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)
- เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า)
- เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน)
กันยายน
- เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เหย้า)
- ฟูแล่ม (เยือน)
- ลิเวอร์พูล (เหย้า)
ตุลาคม
- คริสตัล พาเลซ (เยือน)
- วูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า)
- แอสตัน วิลล่า (เยือน)
- เบรนท์ฟอร์ด (เยือน)
- แมนฯ ยูไนเต็ด (เหย้า)
- ไบรท์ตัน (เยือน)
พฤศจิกายน
- อาร์เซน่อล (เหย้า)
- นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เยือน)
ธันวาคม
- บอร์นมัธ (เหย้า)
- น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เยือน)
มกราคม
- แมนฯ ซิตี้ (เหย้า)
- คริสตัล พาเลซ (เหย้า)
- ลิเวอร์พูล (เยือน)
กุมภาพันธ์
- ฟูแล่ม (เหย้า)
- เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เยือน)
- เซาธ์แฮมป์ตัน (เหย้า)
- ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (เยือน)
มีนาคม
- ลีดส์ ยูไนเต็ด (เหย้า)
- เลสเตอร์ ซิตี้ (เยือน)
- เอฟเวอร์ตัน (เหย้า)
เมษายน
- แอสตัน วิลล่า (เหย้า)
- วูล์ฟแฮมป์ตัน (เยือน)
- ไบรท์ตัน (เหย้า)
- แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน)
- เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)
- อาร์เซน่อล (เยือน)
พฤษภาคม
- บอร์นมัธ (เยือน)
- น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เหย้า)
- แมนฯ ซิตี้ (เยือน)
- นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เหย้า)
[วิเคราะห์ความยากของโปรแกรม]
นอกจาก แมนฯ ซิตี้ ที่มักจะได้โปรแกรมค่อนข้างดีอยู่เรื่อยแล้ว สำหรับ เชลซี ในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงนี้ พวกเขาเจอโปรแกรมที่ค่อนข้างจะเป็นใจตลอดฤดูกาลเลยทีเดียว เพราะแทบจะไม่มีช่วงไหนที่ต้องเจอเกมยากติดๆ กันเลย
อย่างในช่วง 5 เกมแรก แม้จะมี สเปอร์ส ตั้งแต่เกมที่สอง แต่อย่างที่บอกไปว่านี่เป็น 5 เกมแรกที่ เชลซี สามารถคาดหวังได้อย่างน้อย 12-13 แต้มได้เลย ขณะที่ในช่วงเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม พวกเขาจะเจอกับทีมระดับบิ๊ก 6 แค่สองเกมเท่านั้น คือ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด แถมยังเว้นช่วงห่างกันพอสมควร ที่สำคัญ คู่แข่งที่เหลือในช่วงนั้นก็เป็นทีมระดับกลางๆ และทีมเล็กๆ นั่นทำให้ถ้า ทูเคิ่ล จัดการทีมได้ดีๆ พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเก็บแต้มได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
ช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนั้นไม่มีปัญหา ส่วนเดือนมกราคมอาจจะดูเหมือนหนัก เมื่อต้องเจอกับทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล แต่ก็ไม่ได้เล่นติดกัน แถมยังมี คริสตัล พาเลซ มาคั่นกลาง นั่นทำให้ เชลซี สามารถโรเตชั่นขุมกำลังสำหรับสองเกมสำคัญนี้ได้อย่างสบาย
ส่วน 6 เกมในเดือนเมษายนที่เป็นโค้งสุดท้ายก่อนเข้าทางตรงในเดือนพฤษภาคม พวกเขาจะมีเกมที่ต้องโฟกัสมากๆ สองเกมคือการออกไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด และเยือน อาร์เซน่อล แต่อีก 4 เกมที่เหลือต่างก็เป็นคู่แข่งที่ เชลซี สามารถเอาชนะได้เกือบทั้งหมด
ส่วน 4 เกมสุดท้าย มีเกมที่พวกเขาต้องไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ในนัดที่ 37 ซึ่งถ้าตอนนั้น เชลซี อยู่ในสถานการณ์ที่มีลุ้นแชมป์ นี่อาจจะเป็นเกมตัดสินแชมป์สำหรับพวกเขา
สรุปในภาพรวม ต้องถือว่า เชลซี เจอกับโปรแกรมที่ค่อนข้างดีมาก และถ้าพวกเขาเสริมทัพได้ดี ไม่แน่เหมือนกันว่าทีมสิงห์บลูส์อาจจะก้าวขึ้นมาแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ได้เหมือนกัน
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial