ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการขับเคี่ยวกันอย่างสนุกสูสี อย่างในซีซั่นที่แล้วการตัดสินแชมป์ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ถึงขนาดต้องมาวัดกันในเกมสุดท้าย
โดยทั้งสองทีมได้โอกาสลงเล่นในบ้านด้วยกันทั้งคู่ ทัพ "หงส์แดง" รับการมาเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน มีช่วงที่พวกเขาโดนยิงนำไปก่อน 0-1 ในแบบที่บีบหัวใจสุดๆ เพราะเป้าหมายแรกก่อนลงสนามของ ลิเวอร์พูล หากหวังคว้าแชมป์คือต้องเก็บชัยชนะสถานเดียว แล้วไปลุ้นให้ แมนฯซิตี้ พลาด
ขณะที่อีกฟากสนาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการชัยชนะเพื่อปิดเกมคว้าแชมป์ในบ้านของตัวเอง แต่ก็ไม่วายโดน แอสตัน วิลล่า บุกมานำถึง 2-0 มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครสามารถเดาทิศทางได้เลยว่าจะจบลงอย่างไร
เวลาผ่านไปไม่นาน ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 ขณะที่ แมนฯซิตี้ ยังเป็นฝ่ายตามหลัง วินาทีนั้นสาวกเดอะค็อป ต่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เร่งปลุกเร้านักเตะให้เดินหน้ายิงประตูขึ้นนำให้ได้
ส่วนทางฝั่ง แมนฯซิตี้ ก็พยายามเดินเกมบุกหวังพลิกสถานการณ์ สุดท้ายพวกเขาใช้เวลาแค่ 5 นาที ยิง 3 ประตูรวด แซงนำ แอสตัน วิลล่า 3-2 ท่ามกลางความสะใจของแฟนบอลในสนาม ถึงตรงนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่าทีมจะเป็นแชมป์แน่ๆ
บทสรุปสุดท้ายก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อ แมนฯซิตี้ รักษาสกอร์ที่นำเอาไว้ได้จนจบเกม แม้ว่าทางฝั่ง ลิเวอร์พูล จะพลิกกลับมาเก็บชัยชนะเหนือ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-1 แต่ก็ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น เพราะในอันดับตารางคะแนนพวกเขาแพ้ให้กับทีมแชมป์ไป 1 แต้ม
แม้ผลการตัดสินแชมป์จะไม่พลิกล็อค แต่กับสถานการณ์แบบเรียลไทม์ที่เกิดขึ้นในเกมสุดท้ายมันช่างเป็นอะไรที่น่าจดจำ ตลอดเวลา 90 นาที มันมีทั้งความหวัง และผิดหวังเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
ไม่ว่าจะฝั่งที่เป็นแชมป์ หรือฝั่งรองแชมป์ เชื่อเหลือเกินว่าพวกเขาจะต้องจดจำโมเมนท์นี้ไปอีกตราบนานเท่านาน
เหตุการณ์ลุ้นแชมป์ในเกมสุดท้ายทำนองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก มีหลายฤดูกาลที่ต้องมาตัดสินทีมที่จะชูถ้วยในเกมนัดที่ 38 หรือแม้แต่การดิ้นรนหนีตายที่ยืดเยื้อจนต้องมาวัดความอยู่รอดในเกมนี้
เพราะฉะนั้นศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นอีกครั้งในอีก 1 เดือนเศษๆ ก็ไม่แน่ว่าการตัดสินทีมแชมป์อาจจะต้องมาวัดกันในเกมสุดท้ายของฤดูกาลอีกครั้ง
ว่าแล้วเราก็ลองไปแอบส่งโปรแกรมการแข่งขันสัปดาห์สุดท้ายกันสักหน่อย โดยศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2022/23 กำหนดวันลงเล่นนัดปิดฤดูกาลเอาไว้ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม ช้ากว่าเมื่อซีซั่นที่แล้วออกไปราวๆ 1 สัปดาห์
โปรแกรมของ 2 ทีมที่คาดว่าจะขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันเหมือนเดิมถือว่าไม่หนักมานัก ต่างแค่ตรงที่พวกเขาจะออกไปเยือนด้วยกันทั้งคู่
ทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยกพลบุกถิ่น เบรนท์ฟอร์ด ทีมที่เมื่อซีซั่นที่ผ่านมาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม แต่มาในซีซั่นนี้ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะสามารถรักษามาตรฐานที่ดีของตัวเองเอาไว้ได้หรือไม่
ขณะที่ทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะออกไปเยือน เซาแธมป์ตัน ซึ่งดูภาพรวมแล้วก็ยังเป็นรองอยู่หลายช่วงตัว เพราะฉะนั้นก็คงไม่น่าพลาดกับการเก็บชัยชนะ
แต่ที่น่าสนใจคือสถานการณ์ก่อนลงสนามในเกมสุดท้ายจะเหมือนอย่างในซีซั่นที่ผ่านมาหรือไม่ หรืออีกมุมหนึ่งทางฝั่ง "หงส์แดง" อาจจะเป็นฝ่ายกำความได้เปรียบที่ต่างไปจากเดิม
ส่วนบรรดาทีมที่อยู่ในกลุ่มบิ๊ก6 อย่าง เชลซี ที่จบอันดับ3 มาซีซั่นนี้พวกเขาจะต้องเน้นเต็มที่เพื่อลบความผิดพลาดให้ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าทัพ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เป็นทีมที่เคยครองตำแหน่งจ่าฝูงอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะมาพลาดท่าแผวปลาย
โดยเกมสุดท้ายของ เชลซี จะได้โอกาสเล่นในบ้านของตัวเอง รับการมาเยือน นิวคาสเซิ่ล ที่เชื่อว่าน่าจะจัดเต็มกว่าเดิมในเรื่องของการเสริมทัพ เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่งานง่ายของเจ้าถิ่น เหนือสิ่งอื่นใดคงต้องมารอดูว่าเมื่อถึงเวลานั้นสถานการณ์ของเชลซี จะอยู่ที่ตรงไหน
ส่วนทีมอันดับ4 เมื่อซีซั่นที่แล้วอย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ มาซีซั่นนี้พวกเขาต้องใส่สุดตัวแน่นอนเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม ซึ่งเกมสุดท้ายจะต้องออกไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมที่รอดตกชั้นหวุดหวิดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
ดูยังไงก็ไม่น่าพลาดกับการเก็บชัยชนะส่งท้ายซีซั่น ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงเวลานั้นทัพ "ไก่เดือยทอง" จะทำได้ดีถึงขนาดขึ้นไปลุ้นแชมป์หรือยังคงมาตรฐานกับการลุ้นติดท็อป4 เหมือนเดิม
ถัดมาเป็นทีมอาร์เซน่อล ที่จบอันดับ5 แบบน่าชื่นชม เพราะเมื่อซีซั่นที่แล้วมีช่วงที่จมดิ่งอยู่ในโซนครึ่งล่างของตาราง ก่อนจะรวบรวมขวัญกำลังใจค่อยๆไต่อันดับขึ้นมาแถวบนของตารางจนได้ มาถึงซีซั่นใหม่บรรดานักเตะดาวรุ่งต่างได้ประสบการณ์เต็มที่จากซีซั่นก่อน
เพราะฉะนั้นทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" จะเป็นทีมที่ประมาทไม่ได้เด็ดขาด และน่าจะมีผลงานที่ดีกว่าเดิมแน่นอน โดยในเกมสุดท้ายพวกเขาจะได้เล่นในบ้านเจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ว่ากันตามมาตรฐานก็ไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง
ขึ้นอยู่กับว่า มิเกล อาร์เตต้า จะพาทีมรักษาความคงเส้นคงวาเอาไว้ได้ดีขนาดไหน และถึงตรงนั้นพวกเขาจะอยู่ในอันดับที่เท่าไรในตารางคะแนน
ปิดท้ายกันที่ทัพ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะได้ส่งท้ายซีซั่นในบ้านของตัวเอง รับการมาเยือน ฟูแล่ม ที่เพิ่งกลับเลื่อนชั้นขึ้นมา ซึ่งดูจะเป็นงานเบาที่สุดของบรรดาทีมบิ๊ก6 เพราะเป็นทีมเดียวที่ได้เจอกับน้องใหม่ ดีไม่ดีสถานการณ์ของทัพ "เจ้าสัวน้อย" ในเวลานั้นไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือยัง
จุดที่น่าสนใจคือผลงานของทัพ "ปีศาจแดง" ที่ได้กุนซือใหม่อย่าง เอริค เทน ฮาก เข้ามาทำหน้าที่ จะเป็นไปในทิศทางใด กุนซือผู้นี้จะสามารถยกระดับผลงานของทีมได้ดีขนาดไหน
แน่นอนว่าแฟนบอลต่างคาดหวังอยากจะเห็นทีมรักของพวกเขากลับไปอยู่ในจุดที่เคยยืนอีกครั้ง หรืออย่างน้อยๆก็ควรจะได้คืนสนามในเวทียูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ให้ได้
เหนือสิ่งอื่นใด แม้ว่าเกมสุดท้ายจะมีใจความสำคัญที่หลากหลาย ทั้งการลุ้นแชมป์ การลุ้นพื้นที่บอลถ้วนยุโรป หรือแม้กระทั่งการหนีตกชั้น ที่หลายทีมต้องมาอกหักในนัดสุดท้ายกันมานักต่อนัก
ทั้งหมดทั้งมวลอาจจะไม่สำคัญเลยหากตลอดทั้งฤดูกาลทีมไม่สามารถเรียกผลงานที่ดีได้ อย่างที่ทราบกันว่าการแข่งขันในระบบลีก ทุกแต้ม ทุกคะแนน ทุกเกมมีความหมาย
เมื่อไรก็ตามที่ผลงานความสำเร็จต้องมาตัดสินกันด้วยแต้มเพียงไม่กี่แต้ม เราก็จะมานั่งเสียดายนัดนั้น นัดนี้ ที่ทีมต้องทำคะแนนหล่นหายไปทันที
สิ่งที่ดีที่สุดคือการเล่นทุกนัดอย่างเต็มที่ เพื่อได้แต้มทุกแต้มที่แสนล้ำค่า...และจะได้ไม่ต้องมาเสียน้ำตาในเกมสุดท้าย
แฟนบอลสามารถติดตามความมันของศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สดๆตลอดทั้งฤดูกาล ตั้งแต่เกมแรกยันนัดสุดท้ายได้ทางทรูวิชั่นส์ ที่เดิม!
Getty images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial