ก่อนออกสตาร์ทฤดูกาลของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 แฟนบอลของแต่ละทีมต่างก็แสดงความมั่นใจว่าทีมรักจะสามารถยกระดับผลงานได้ดีกว่าในฤดูกาลที่ผ่านมา
บรรดาแฟนทีมแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่างก็หวังที่จะเห็นทัพ "เรือใบสีฟ้า" ป้องกันแชมป์ลีกเอาไว้ให้ได้ และในขณะเดียวกันก็หวังที่จะไปได้สวยในเวทียุโรป กับการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครองให้ได้เสียที
ตัดไปที่ทีมรองแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าพวกเขาก็หมายมั่นปั้นมือที่จะกลับไปทวงแชมป์พรีเมียร์ลีก มาให้ได้ หลังจากที่เมื่อซีซั่นก่อนพวกเขาคั่วแชมป์ทุกรายการที่ลงสนาม แต่สุดท้ายก็ทำได้ดีที่สุดคือการคว้าแชมป์บอลถ้วย 2 รายการในประเทศ
ส่วนทีมอันดับ 3 อย่าง เชลซี ก็เดินหน้าจัดเต็มในการเสริมทัพ เพื่อไล่ล่าแชมป์ หลังจากที่ซีซั่นก่อนพวกเขามีช่วงเวลาครองจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีก อยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะผลงานสะดุดและจะโดนปาดหน้าไปอย่างน่าเสียดาย
ขณะที่ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ก็ต้องการยกระดับทีมให้มีลุ้นแชมป์มากขึ้น หลังการเข้ามาของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ช่วยเปลี่ยนโฉมทีม จนได้ตั๋วไปลุยยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ใบสุดท้าย ซึ่งแน่นอนว่ามาในซีซั่นนี้พวกเขาก็ต้องการคว้าแชมป์ติดมือให้ได้บ้าง
โยกมาดูที่ อาร์เซน่อล ก็เปลี่ยนแปลงทีมได้อย่างน่าสนใจ แถมออกสตาร์ทซีซั่นด้วยการคว้า 6 คะแนนเต็ม แน่นอนว่ามันมาพร้อมกับความคาดหวังจากแฟนบอลในการอยากเห็นปืนใหญ่ทีมนี้กลับไปยิงสลุตอีกครั้ง
ขณะเดียวกันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จบอันดับ 6 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงกุนซือมาเป็น เอริค เทน ฮาก พร้อมกับเป้าหมายในการทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนมาในฤดูกาลใหม่
จากกลุ่มท็อป 6 ที่ได้กล่าวมาในข้างต้น ส่วนใหญ่ต่างก็ทำผลงานได้น่าชื่นใจ สมกับที่เตรียมกันมาในช่วงปิดซีซั่น แต่ก็ต้องยอมรับว่ามี 2 ทีม ที่เป็นคู่รักคู่แค้นกันอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ท 2 เกมแรกได้อย่างน่าผิดหวัง
ทัพ "หงส์แดง" ประเดิมสนามด้วยการบุกไปเสมอทีมน้องใหม่อย่าง ฟูแล่ม 2-2 ต่อด้วยการกลับมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ แล้วทำได้เพียงแค่เสมอ คริสคัล พาเลซ 1-1 นั่นเท่ากับว่าพวกเขาขาดทุนไปถึง 4 แต้ม จากการประเดิม 2 นัดแรก
ส่วนทางฝั่งที่อาการหนักกว่าอย่างทัพ "ปีศาจแดง" ที่แพ้มันทั้งสองนัด จมบ๊วยของตารางในแบบที่ยากจะเชื่อ เพราะถ้าว่ากันตามตรงผลงานในช่วงปรีซีซั่น ดูทีมจะมีรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี จึงไม่แปลกที่แฟนบอลจะกลับมาคาดหวัง อยากเห็นทีมทำผลงานที่ดีอีกครั้ง
จริงอยู่ที่การแข่งขันเพิ่งจะออกสตาร์ทมาเพียงแค่ 2 นัด อะไรๆก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการออกสตาร์ทที่น่าผิดหวังเช่นนี้ มันจะยิ่งทำให้เป้าหมายของพวกเขาเป็นไปได้ยากกว่าเดิม กับในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทีมแชมป์มีมาตรฐานคะแนนในระดับ 90 แต้มขึ้นไป
ที่น่าเหลือเชื่อราวกับเขียนสคริปเอาไว้ คือในเกมนัดที่ 3 ของฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะโคจรมาเจอกับ ลิเวอร์พูล มันช่างเป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ผิดหวังมาด้วยกันจาก 2 นัดแรก เพราะฉะนั้นเกมนี้จึงเป็นทางที่ทั้งสองทีมหวังจะเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับมา
หากประโยคที่ว่า "เจอกันถูกที่ถูกเวลา" ถูกหยิบยกมาใช้ในช่วงที่ทั้งสองทีมกำลังอยู่ในช่วงพีค ก็คงไม่ขัดเขินอะไรหากจะขอยกประโยคดังกล่าวมาใช้ในช่วงที่ทั้งสองทีมกำลังผิดฟอร์มด้วยกันทั้งคู่
ย้อนไปในซีซั่นที่แล้ว ในเกมแดงเดือดทั้งสองนัด มันช่างเป็นการเจอกันในแบบผิดที่ผิดเวลา เพราะทีมอย่าง ลิเวอร์พูล กำลังลุ้นแชมป์เต็มตัว ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับซีซั่นที่ยากลำบาก ผลสุดท้ายเกมแดงเดือดที่ออกมาก็เลยเป็นทางฝั่ง "หงส์แดง" ที่ได้สนุกอยู่ฝ่ายเดียว และมันก็เป็นการแข่งขันที่ช่างไม่สมกับชื่อ "แดงเดือด" เอาเสียเลย
ตัดกลับมาในฤดูกาลนี้ อย่างที่บอกไปว่าทั้งสองทีมกำลังอยู่ในช่วงหลังพิงฝา ต่างฝ่ายต่างไร้ชัยชนะ ลิเวอร์พูล มีแค่ 2 แต้ม ขณะที่ แมนฯยูฯ ไม่มีแต้ม หากลองคิดเล่นๆว่าบทสรุปของเกมนี้ทางฝั่ง "ปีศาจแดง" ที่ได้เล่นในบ้าน เก็บชัยชนะไปได้ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะทำอันดับแซงหน้า ลิเวอร์พูล ทันที กับการมีมากกว่า 1 คะแนน
แต่หากว่าบทสรุปลงเอยด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ก็จะทำให้พวกเขาเก็บได้ 5 คะแนน จาก 9 แต้มเต็ม ทิ้งให้ทางฝั่ง "ปีศาจแดง" จมอยู่กับการไร้แต้มต่อไปอีก 1 นัด ซึ่งมันคงเป็นภาพที่ไม่สวยแน่ ในมุมของแฟน "ปีศาจแดง" กับการออกสตาร์ทด้วยความพ่ายแพ้ 3 นัดติด
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมานี้ เกมแดงเดือดที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงเป็นอะไรที่น่าติดตามอย่างยิ่ง บทสรุปที่เกิดขึ้นอาจเป็นตัวชี้วัดเป้าหมายที่แท้จริงของทั้งสองทีมในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้
จาก ลิเวอร์พูล ที่มีเป้าหมายลุ้นแชมป์ บางทีอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด หรือทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีเป้าหมายสร้างทีมขึ้นมาใหม่ บางทีอาจจะยังไม่มีอะไรดีขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเอาจเป็นแค่ภาพลวงตา
เกม แดงเดือด ที่กำลังจะเกิดขึ้นในค่ำคืนวันจันทร์นี้ มันจึงมีความน่าสนใจมากกว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าในใจลึกๆแล้วทางฝั่ง ลิเวอร์พูล จะยังมีความเชื่อมั่นมากกว่าว่าจะสามารถเก็บชัยชนะได้ จากทิศทางการเล่นของสโมสร ในขณะที่แฟนผี ต่างก็แอบหวั่นใจว่าทีมรักของพวกเขาอาจจะเสียท่าได้อีก
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ละทีมจะออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ หรือผิดเป้าหมายไปขนาดไหน ในทางกลับกันยิ่งจะทำให้พวกเขามุ่งมั่นกว่าเดิมอีกหลายเท่า แดงเดือดเกมนี้จะเป็นเกมที่ทั้งสองทีมใส่กันสุดตัวชนิดที่ไม่มีใครยอมใครแน่นอน และรับประกันได้เลยว่าศึก "แดงเดือด" จะกลับมาเดือดสมชื่ออีกครั้ง
สำหรับแฟนบอลสามารถติดตามรับชมเกมแดงเดือด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ ลิเวอร์พูล ได้ทาง true PREMIER FOOTBALL 1 (ช่อง 600), true PREMIER FOOTBALL 2 (ช่อง602) และจัดเต็มไปในระบบ 4K ทาง true 4K (ช่อง 400) ในค่ำคืนวันจันทร์นี้ เวลา 02.00 น.
Getty images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial