West Side Story มิวสิคัลขึ้นหิ้ง “สตีเวน สปีลเบิร์ก” ขอท้าชิง “ออสการ์” อีกสมัย

By: กีต้าร์โซโล่

25 มี.ค. 2565 15:44 น.

West Side Story มิวสิคัลขึ้นหิ้ง “สตีเวน สปีลเบิร์ก” ขอท้าชิง “ออสการ์” อีกสมัย

มิวสิคัลขึ้นหิ้ง ที่ครองพื้นที่หัวใจคนทั่วโลกมากว่า 5 ทศวรรษ เมื่อนำมาปัดฝุ่นใหม่ หลายคนอาจจะปรามาสว่า จะประกาศศักดาได้แค่ไหน แต่เมื่อ “สตีเวน สปีลเบิร์ก” ผู้กำกับชั้นครูนำกลับมาปัดฝุ่นสร้างใหม่ ชื่อของหนัง “West Side Story” จึงกลายเป็น 1 ใน 10 เรื่องที่เข้าชิงออสการ์ในปีนี้อีกครั้งหลังจากที่เคยคว้าถึง 10 รางวัลมาแล้วเมื่อปี 1961

West Side Story มิวสิคัลที่ได้แรงบันดาลใจจาก “Romeo and Juliet” ของวิลเลียม เชคสเปียร์ มาอยู่ในมือของพ่อมดแห่งวงการหนัง ความอลังการจึงเกิดขึ้น เรื่องราวของ โทนี (แอนเซล เอลกอร์ธ) อดีตนักเลงหัวไม้แห่งแก๊งเจ็ตส์หลงรักมาเรีย (ราเชล เซเกลอร์) สาวสวยชาวเปอร์โตริโกน้องสาวของ เบอร์นาโด (เดวิด อัล) หัวหมู่ทะลวงฟันแห่งแก๊งชาร์คที่มักเปิดศึกกับ ริฟฟ์ (ไมค์ เฟสท์) หัวหน้าแก๊งเจ็ตส์และเพื่อนรักของโทนี เมื่อความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติปะทุไฟสงคราม ความรักของโทนีกับมาเรียเลยกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ความท้าทายของ สปีลเบิร์ก คือหนังเวอร์ชันปี 1961 “โรเบิร์ต ไวส์” ทำไว้ดีงามมากๆ กวาดรางวัลนับไม่ถ้วน แต่เขาก็ทำออกมาแตกต่างอย่างลงตัว ถือเป็นผลงานที่น่าชื่นชม “West Side Story” เวอร์ชันนี้มีความเป็นการเมืองมากกว่าเวอร์ชันไหน และแอบสะท้อนท่าทีจิกกัดสังคมแบบแฝงอยู่ในลีลาการเล่าเรื่อง

สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับเรื่องนี้ เป็นการเสียดสีสังคมที่เต็มไปด้วยการเหยียดเชื้อชาติได้อย่างเจ็บแสบ ผ่านทุกๆประโยคที่ตัวละครร้องหรือเล่นออกมา ด้านโปรดักชันก็ปังไม่แพ้กัน ทั้งฉากและมู้ดแอนด์โทนของหนัง ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความคล้ายคลึงกับภาพยนตร์ในเวอร์ชั่นปี 1961 ถึงแม้จะมีมุมกล้องแบบภาพยนตร์ แต่บางช่วงของหนังเลือกใช้มุมกล้องและวางบล็อกกิ้งของตัวละครที่เหมือนกับยกทีมละครเวทีมาไว้ตรงหน้า

ครั้งแรกของ “เบน ,นนท์,หนิม,ไข่มุก” ร่วมขับกล่อมเพลงรัก กับ “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”

Nightmare Alley อีกหนึ่งผลงานของ “กิลแยร์โม” ที่ประกาศขอท้าชิง “ออสการ์”

ภาจกิจหนีนักฆ่าทว่าติดอยู่ในลิฟท์ "Free Fall"

สำหรับเพลงและการเต้นที่เป็นตัวชูโรงของเรื่อง ก็จัดเต็มไปด้วยเสียงร้องคุณภาพ ประกอบพร้อบ คอสตูมต่าง ๆ ที่คัดสรรมาได้อย่างลงตัว

เวอร์ชันนี้ ถือเป็นการต่อยอดจากมิวสิคัลชั้นครูมาสู่ภาพยนตร์ เพราะเป็นการดัดแปลงจากมิวสิคัลต้นฉบับได้อย่างกล้าหาญและมีอารมณ์ร่วมทางการเมืองเหมาะกับยุคสมัย บวกกับงานสถ่ายภาพของ “ยานุตช์ คามินสกี” ถือเป็นงานมาสเตอร์พีซให้คนรุ่นลูกได้ศึกษา

และแน่นอนว่า งานกำกับของ “สตีเวน สปีลเบิร์ก” ยังคงเชื่อมือได้การันตีจากรางวัลที่นับไม่ถ้วน นักแสดงอย่าง “แอนเซล เอลกอร์ธ” และ “ราเชล เซเกลอร์” ถ่ายทอดโศกนาฏกรรมรักของโทนีกับมาเรียได้ลึกซึ้งกินใจทั้งร้องทั้งเต้น

จึงไม่แปลกใจ ที่ “West Side Story” ฉบับพ่อมดฮอลลิวูด จะถูกโหวตให้เข้ารอบไฟนอล แต่จะคว้ารางวัลมาครองได้หรือไม่ คงต้องไปลุ้นกัน

ติดตามการถ่ายทอดสดการประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 94 ได้เช้าวันจันทร์ที่ 28 มีนาคมนี้ เริ่มถ่ายทอดสดเวลา 05.30 น. ทางช่อง True Film 1 หมายเลข 115, 222 ที่ทรูวิชั่นส์ ที่เดียว

West Side Story