รัสเซลล์ คว้าแชมป์แรก เมอร์ซิเดส ครอง เซา เปาโล

จอร์จ รัสเซลล์ คว้าแชมป์ เซา เปาโล กรังด์ปรีซ์ เมื่อช่วงเช้ามืด 14 พ.ย. ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย เป็นแชมป์แรกในอาชีพ หลังจากเคยทำผลงานได้ดีที่สุดเพียงอันดับ 2 ในซีซั่นนี้ ตามด้วยเพื่อนร่วมทีม เมอร์ซิเดส ลูอิส แฮมิลตัน และ คาร์ลอส ไซนซ์ จาก เฟอร์รารี่ 

เริ่มรอบแรก เควิน แม็กนุสเซ่น และ แดเนี่ยล ริคคาร์โด้ ชนกัน เนื่องจากรถของ แม็คลาเรนพยายามแซงเพื่อไต่อันดับในโค้ง 9 ทำให้ทั้งสองออกจากการแข่งขัน และมีธงเหลืองขึ้นมาพร้อมกับเซฟตี้คาร์ และเมื่อเริ่มรีสตาร์ท ชาร์ลส์ เลอแกลร์ กับ ลันโด นอร์ริส ก็ชนกัน ทำให้รถแดงค่าย เฟอร์รารี่ หมุนชนกำแพงและร่วงลงไปรั้งท้าย ทั้งสองกลับมาไล่กันมันในรอบที่ 40 แต่แล้ว นอร์ริส ก็ออกจากการแข่งขันเพราะปัญหาทางเทคนิค

อีกคู่หนึ่ง ลูอิส แฮมิลตัน และ แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน รถเฉี่ยวกัน และอันดับของ เวอร์สเตปเปน ร่วงลง เพราะรถเสียหายและใช้เวลานานหลายรอบ แต่ค่อยๆ ไต่อันดับกลับมา จนติดท็อป 10 ในรอบที่ 55 ส่วนแชมป์โลก 7 สมัยขยับแซง เซอร์จิโอ เปเรซ ในรอบที่ 45 ทำให้หัวแถวเป็น 2 คันจาก เมอร์ซิเดส หลังผ่านไป 2 ใน 3 ของเรซ 

รอบที่ 55 นอร์ริส จอดรถไว้ข้างทาง เพราะปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนตร์ มีการให้สัญญาธงเหลือง และมี เวอร์ช่วล เซฟตี้ คาร์ แต่เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็วทำให้ เซฟตี้ คาร์ ต้องออกมาวิ่งนำหน้าขบวนจนกว่าจะจัดการกับแทร็คได้เรียบร้อย 

รอบที่ 60 สัญญาณไฟเขียวเปิดทางให้รถทุกคันวิ่งได้เต็มสปีดอีกครั้ง ตำแหน่งผู้นำยังเป็น รัสเซลล์ และ แฮมิลตัน ส่วน เปเรซ โดนแซงจากเฟอร์รารี่ทั้งสองคัน และ เฟร์นานโด อลอนโซ่ พุ่งขึ้นมาในอันดับ 5 เมื่อเหลือ 6 รอบแบบสุดเซอร์ไพรส์ และ เวอร์สเตปเปน ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 6 

อเล็กซ์ อัลบอน นักขับไทยทีม วิลเลี่ยมส์ ออกสตาร์ทจากอันดับ 20 เพราะในสปรินท์เรซวันก่อนหน้าออกจากการแข่งขัน ทั้งที่รอบคัดเลือกเป็นอันดับ 11 จึงต้องไปต่อท้ายแถว ก่อนจบด้วยอันดับ 15 ไม่มีคะแนนในสนามนี้