ฝรั่งเศสรออัดโมร็อกโกที่เจ็บบาน ลุ้นชิงบอลโลกครั้งที่สองติดต่อกัน

พรีวิวฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ
ฝรั่งเศส พบ โมร็อกโก
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม
เวลา : 02:00 น. วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2565 (แข่งคืนวันพุธ)
ถ่ายทอดสดทาง : True Sport 2 (ช่อง 667)

ฝรั่งเศส
ทีมตราไก่ภายใต้การนำของ ดีดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ กำลังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในรอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาล้มทีมชาติอังกฤษมาได้ 2-1 แม้ว่าในเกมวันนั้นในภาพรวม อังกฤษ จะเล่นได้ดีกว่า แต่ต้องยอมรับว่า ฝรั่งเศส มีความเด็ดขาดที่เหนือกว่า นอกจากนี้บรรดาแนวรุกตัวหลักอย่าง อองตวน กรีซมันน์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ต่างมีความสามารถที่จะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น และถ้ามองย้อนไปดูฟอร์มของ ฝรั่งเศส ตั้งแต่เกมนัดเปิดสนาม ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นทีมที่มีฟอร์มการเล่นที่สมราคา และคงเส้นคงวามากที่สุดเป็นลำดับต้นๆ ของฟุตบอลโลกครั้งนี้

ในส่วนของสภาพทีม ต้องบอกว่า ฝรั่งเศส ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือว่าติดโทษแบนเลยแม้แต่รายเดียว แต่ก่อนหน้าเกมนี้เพียงหนึ่งวัน มีรายงานในแคมป์นักเตะฝรั่งเศสมีหลายคนที่มีอาการป่วย โดยในรายของ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ และ อาเดรียง ราบิโอต์ ไม่ได้ลงซ้อมทั้งคู่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ต้องรอลุ้นอีกครั้งว่าจะฟิตทันหรือไม่ โดยเกมนี้ ดีดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ จะส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามในระบบการเล่น 4-2-3-1 เช่นเดิม โดยเกมรุกยังนำโดย 4 ตัวหลักอย่าง เอ็มบั๊ปเป้, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, อองตวน กรีซมันน์ และ อุสมาน เดมเบเล่

โมร็อกโก
สำหรับศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ โมร็อกโก ถือว่าเป็นม้ามืดตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัย หลังหักปากกาเซียน ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์มาได้ในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ ที่ประกอบไปด้วยทีมอย่าง เบลเยี่ยม, โครเอเชีย และ แคนาดา เท่านั้นยังไม่พอ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขายังพลิกล็อคมโหฬาร ด้วยการเสมอกับ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนจะดวลจุดโทษชนะไป 3-0 โดยที่ สเปน ยิงไม่เข้าเลยใน 3 คนแรก ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศมาได้แบบที่ไม่มีใครคาดคิด แถมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็ยังสร้างปาฏิหาริย์ เอาชนะ โปรตุเกส 1-0 สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นทีมแรกจากทวีปแอฟริกาที่สามารถผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศในศึก เวิลด์ คัพ ได้สำเร็จ ทำให้หลังจากนี้ถือเป็นกำไรของพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศหรือไม่ก็ตาม

ในส่วนของสภาพทีมล่าสุดนั้น โมร็อกโก ถือว่าเจอปัญหาใหญ่พอควร เมื่อจะต้องขาดสองปราการหลังตัวจริงอย่าง นาเยฟ อาเกิร์ด และ โรแม็ง ซาอิส ที่บาดเจ็บ ลงเล่นไม่ได้ทั้งหมด เท่านั้นยังไม่พอ นูสซาอีร์ มาซราอุย และ อับเดลฮามิด ซาบิรี่ ก็มีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน และคาดว่าไม่น่าฟิตทันลงเล่นในเกมนี้ได้ แถม วาลิด เชดดิร่า กองหน้าตัวสำรองไปโดนใบแดงจากนัดก่อน ทำให้ติดโทษแบนในเกมนี้ไปโดยปริยายทำให้เกมนี้ วาลิด เรกรากี กุนซือของ โมร็อกโก ต้องมีการปรับทีมค่อนข้างมาก แต่จะยังยึดระบบ 4-3-3 เป็นหลัก โดยเกมรุกจะยังใช้สามประสาน ยูสเซฟ เอน-เนสเซรี่, ฮาคิม ซีเย็ค และ โซฟียาน บูฟาล เหมือนเดิม โดยมี โซฟียาน อัมราบัต คอยคุมเกมแดนกลาง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส : ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เตโอ แอร์กน็องเดซ : โอเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ : อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ : โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

โมร็อกโก (4-3-3) : ยาสซีน บูนู "โบโน่" : อัชราฟ ฮาคิมี่, จาวาด เอล ยามิค, อัชราฟ ดารี่, ยาห์ย่า อัตติอัต-อัลลาห์ : อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อามัลลาห์ : ฮาคิม ซีเย็ค, ยูสเซฟ เอน-เนสเซรี่, โซฟียาน บูฟาล

ความน่าจะเป็น : แม้ว่า โมร็อกโก จะสร้างเซอร์ไพรส์มาได้ตลอดเส้นทาง แต่ครั้งนี้ความมหัศจรรย์ของพวกเขาอาจจะหมดโควต้าแล้ว เนื่องจาก ฝรั่งเศส เป็นทีมที่สมบูรณ์พร้อมจริงๆ ดีกว่าทั้งในเรื่องของฟอร์มการเล่นและความสามารถของตัวผู้เล่น นอกจากนี้ โมร็อกโก ยังมีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพียบอีกด้วย โดยเฉพาะการขาดหายไปของสองปราการหลังตัวจริง ยังไงก็มีผลกระทบแน่นอน รูปเกมที่ออกมาอาจจะไม่สูสีอย่างที่คิด และน่าจะเป็น ฝรั่งเศส ที่ครองเกมได้มากกว่า ก่อนจะใช้คุณภาพที่เหนือกว่าบดเอาชนะไปได้อย่างไม่ยากนัก

สกอร์ที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ โมร็อกโก 2-0