ดีดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสออกมาเปิดเผยว่ารู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกทีมเป็นอย่างมาก หลังจากที่โชว์ฟอร์มแกร่ง เอาชนะ โมร็อกโก มาได้ 2-0 ในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมกับย้ำว่าตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ที่ทีมจะไปถึงเป้าหมาย นั่นคือการคว้าแชมป์โลกมาครองให้ได้อีกครั้ง
ในเกมรอบรองชนะเลิศที่ อัล เบย์ท สเตเดี้ยม ฝรั่งเศส ต้องเจอกับ โมร็อกโก ที่สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการล้ม โปรตุเกส มาได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย อย่างไรก็ตาม แม้ว่า โมร็อกโก จะพยายามสู้อย่างเต็มที่ แต่คุณภาพของพวกเขาก็ยังไม่ดีพอที่จะสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้ง โดยเกมนี้เริ่มต้นไปเพียงแค่ 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ออกนำก่อนอย่างรวดเร็ว 1-0 จากจังหวะกระโดดยิงซ้ำจ่อๆ หน้าประตูของ เตโอ แอร์กน็องเดซ แบ็กซ้ายของทีม หมดสิทธิ์ที่ โบโน่ ผู้รักษาประตูของ โมร็อกโก จะป้องกันไว้ได้ และเป็นประตูเดียวที่เกิดขึ้นในครึ่งแรก
หลังจากนั้นในช่วงครึ่งหลัง โมร็อกโก พยายามยกระดับเกมขึ้นมา และเกือบจะตีเสมอได้หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีความเฉียบคม ขณะที่ ฝรั่งเศส ก็มีโอกาสจะบวกเพิ่มเป็น 2-0 หลายครั้งเช่นกันแต่ก็พลาดไปหมด จนกระทั่งเกมดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 79 "เลส์ เบลอส์" ก็ได้ประตูที่สองจนได้ เมื่อคีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ โชว์ความสามารถเฉพาะตัวลากบอลหลบคู่แข่ง 2-3 คน ก่อนจะยิงไปแฉลบแนวรับของ โมร็อกโก และบอลไปเข้าทาง ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ กองหน้าตัวสำรองที่อยู่หน้าประตูพอดี ก่อนจะยิงเข้าไปแบบง่ายๆ ทำให้ ฝรั่งเศส เอาชนะ โมร็อกโก ไป 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปเจอกับ อาร์เจนติน่า ในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมนี้
หลังจบเกม เดส์ช็องส์ ซึ่งพาทีมตราไก่กลับมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง ได้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า เขารู้สึกภูมิใจในตัวลูกทีมเป็นอย่างมาก และเหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ โดยกล่าวว่า "ตอนนี้ความรู้สึกต่างๆ มันท่วมท้นออกมา ซึ่งมันเป็นความภาคภูมิใจ"
"เป็นอีกครั้งที่เราทำได้ และนี่ถือเป็นย่างก้าวที่มีความสำคัญอย่างมาก ตอนนี้เหลืออีกเพียงก้าวเดียวที่เราต้องเดินต่อไป เรารวมตัวกันมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว และมันไม่เคยเป็นเรื่องง่าย แต่ตอนนี้มันคือเรื่องที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก"
ทั้งนี้ การผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ของ ฝรั่งเศส ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะป้องกันแชมป์ ซึ่งในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลกนั้น มีแค่ทีมชาติอิตาลีและบราซิลเท่านั้นที่เคยทำได้ โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี 1958 และ 1962 ที่ บราซิล คว้าแชมป์ไปครองได้สองสมัยติดต่อกัน นั่นหมายความว่าถ้า ฝรั่งเศส เอาชนะ อาร์เจนติน่า ได้ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ก็จะเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปีเลยทีเดียวที่มีทีมที่สามารถคว้าแชมป์ เวิลด์ คัพ ไปครองได้สองสมัยติดต่อกัน
นอกจากนี้ การที่ ฝรั่งเศส ต้องมาเจอกับ อาร์เจนติน่า คือการแย่งแชมป์โลกสมัยที่ 3 กันโดยตรงระหว่างทั้งสองทีม หลังจากที่ทีมฟ้าขาวเคยเป็นแชมป์เมื่อปี 1978 และ 1986 ส่วนทีมน้ำหอมเคยชูถ้วย เวิลด์ คัพ เมื่อปี 1998 และ 2018 รวมถึงตัว เดส์ช็องส์ เองกำลังจะมีโอกาสคว้าแชมป์โลกได้เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิต โดยเจ้าตัวเคยได้ในฐานะนักเตะเมื่อปี 1998 และในฐานะโค้ชเมื่อปี 2018 มาแล้ว
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial