รอรี่ แม็คอิลรอย และ 3 ตัวเต็ง พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ

ถ้าเอ่ยชื่อ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้สึกสับสนเล็กน้อย เนื่องจาก เมื่อก่อนนี้แฟนๆ คุ้นเคยกันในชื่อ ยูเอสพีจีเอ เนื่องจากเป็นรายการเมเจอร์ที่จัดโดยสหพันธ์นักกอล์ฟอาชีพแห่งอเมริกา และจะมีการแข่งขันในสหรัฐ นอกจากนี้ยังจัดขึ้นในเดือนส.ค. ของทุกปีก่อนถึงวันแรงงาน แต่มีการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมเป็นเดือนพ.ค. ก่อนวันรำลึกทหารผ่านศึก (Memorial Day) ของสหรัฐ 

แชมป์รายการนี้นอกจากได้เงินรางวัลและเกียรติยศ ยังได้รับเชิญให้มาเล่นในเมเจอร์นี้ได้ตลอดชีพ และได้สิทธิ์เล่นเมเจอร์อีก 3 รายการเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกทัวร์ พีจีเอ 5 ปี ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะฝ่าด่านมาถึงตรงนี้ ต้องเป็นมืออาชีพที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วโลก ซึ่งรายการนี้เป็นรายการเดียวในบรรดาเมเจอร์ ที่ไม่อนุญาตให้มือสมัครเล่นเข้ามาร่วมรายการ ต่างจากเมเจอร์อื่น 

ปี 2023 เป็นครั้งที่ 105 ของรายการนี้ จัดขึ้นที่ โอ๊คฮิลล์ คันทรี คลับ มลรัฐนิวยอร์ก และเป็นครั้งที่ 4 ที่ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ มาที่นี่ โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2013 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งสนามแห่งนี้เคยต้อนรับรายการใหญ่มากมายทั้ง ยูเอส โอเพ่น และ ไรเดอร์ คัพ สนามพาร์ 70 แห่งนี้ได้รับการปรับปรุงเมื่อปี 2020 และนำเอาจุดบอดต่างๆ ออกไป แก้ไขภูมิทัศน์และอุปสรรค เพิ่มความทันสมัยในสไตล์รัฐตะวันออก ถึงอย่างนั้นสนามแห่งนี้ก็ยังเข้าทางผู้เล่นที่ตีระยะไกลได้ดี ดังนั้นผู้เล่นที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้จึงมีโอกาสอย่างมากในการคว้าแชมป์ซึ่งกำลังใกล้เข้ามา 

แพทริค แคนท์เลย์

โปรวัย 31 ปีจากฝั่งตะวันตก เขาเกิดที่แคลิฟอร์เนีย ผลงานในปี 2023 ยังไม่ได้คว้าแชมป์ แต่จบด้วยตำแหน่งท็อป 10 มาแล้ว 8 รายการในซีซั่นนี้ ล่าสุดคือ 4 จาก 7 รายการที่ลงหวดจบด้วยตำแหน่งท็อป 10 อยู่ในช่วงที่ฟอร์มร้อนแรง ปัจจุบันเป็นมือ 4 ของโลกและยังไม่เคยสัมผัสเมเจอร์เลยสักครั้ง 

เขาเป็นเต็ง 4 ในรายการนี้จากทรรศนะของสื่อต่างประเทศ แม้สถิติที่ผ่านมาระบุว่า แคนท์เลย์ มักจะทำได้ไม่ดีในรายการเมเจอร์ จบในท็อป 10 เพียง 3 ครั้งหลังพักผ่อนจากการบาดเจ็บครั้งใหญ่เมื่อปี 2017 เป็นต้นมา โดยที่ใกล้เคียงแชมป์ที่สุดคือ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ 2019 จบด้วยอันดับ 3 ร่วม แต่เนื่องจากฟอร์มและรูปแบบสนามที่ค่อนข้างเข้าทาง ทำให้เป็นไปได้ว่าจะเห็นผลงานอันยอดเยี่ยม ประกอบกับการได้ โจ ลาคาวา แคดดี้เก่าของ ไทเกอร์ วูดส์ มาอยู่ข้างกาย 
 
 สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ 

ไม่มีใครกล้ามองข้ามอดีตมือ 1 โลกที่ปัจจุบันเป็นมือ 2 กับผลงานอันสม่ำเสมอ เป็นแชมป์ใน พีจีเอ ทัวร์ มาแล้ว 2 รายการในซีซั่นนี้ และจบด้วยตำแหน่งท็อป 10 ถึง 9 รายการ ถ้าจะมีสิ่งเดียวที่พลาดไปก็คือไม่สามารถป้องกันแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส เมเจอร์แรกเอาไว้ได้ 

วัดกันที่การตีทั้งทีช็อต และแอพโพรชช็อต ที่ค่าเฉลี่ย 1.13 และ 1.27 ช็อต สถิตินี้ยอดเยี่ยมกว่า จอน ราห์ม เจ้าของเมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ส คนล่าสุดและมือ 1 โลก นอกจากนี้หากนับย้อนไปตั้งแต่เดือนต.ค. 2022 เป็นต้นมา ยังไม่มีรายการไหนที่ เชฟเฟลอร์ อยู่ต่ำกว่าอันดับ 12 ร่วม แถมผลงานในรายการเมเจอร์ 11 ครั้งล่าสุด อันดับต่ำสุดที่ทำได้คืออันดับ 21 เท่านั้น 

บรู๊คส์ โคเอปก้า

เจ้าของแชมป์ พีจีเอ ทัวร์ 8 รายการปัจจุบันเป็นผู้เล่น ลิฟ กอล์ฟ ลีก ด้วยวัย 33 ปี และเพิ่งคว้าแชมป์ ลิฟ กอล์ฟ ออร์แลนโด้ เขาทำผลงานได้ไม่เลวเลยในเมเจอร์ เดอะ มาส เตอร์ส หลังจากผู้เล่นฝั่ง ลิฟ โดนตั้งคำถามมากมายว่า จำนวนโปรแกรมที่มีไม่มาก ต้องเดินทางไปทั่วโลก จะส่งผลอย่างไรในเมเจอร์ขณะที่ผู้เล่น พีจีเอ ทัวร์ หรือ ดีพี เวิลด์ ทัวร์ ที่มีแข่งขันแทบทุกสัปดาห์น่าจะมีความฟิตมากกว่า เรียกว่าลับฝีมือบ่อยกว่า 

จุดเด่นของ โคเอปก้า คือการตีไกล เขาทีช็อตด้วยหัวไม้ได้ดีมาก ใช้เหล็กได้ดีพอๆ กัน ดังนั้นด้วยรูปแบบสนามและฝีมือดั้งเดิมก็ทำให้เป็นตัวเต็ง ประกอบกับเขามีประสบการณ์เพิ่งคว้าแชมป์รายการนี้ 2 จาก 5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงเป็นผู้เล่นที่ไม่ควรมองข้าม 

รอรี่ แม็คอิลรอย 

โปรวัย 34 ปีเจ้าของแชมป์เมเจอร์ 4 สมัย เคยเป็นแชมป์รายการนี้ในปี 2014 ย้อนไปตอนที่ยังเป็นหนุ่มห้าว ฟอร์มแรง ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมา ฟอร์มกลับมาร้อนแรงและกลับขึ้นสู่มือ 1 โลกอีกครั้ง แต่ในช่วงต้นปี 2023 ดูเหมือนว่าฟอร์มจะแผ่วไปเล็กน้อย จบเป็นท็อป 10 เพียง 3 รายการ แต่อย่างน้อยก็คว้าแชมป์ไปแล้ว 1 รายการในปีนี้ 

จุดเด่นของ รอรี่ ที่ชัดเจนคือเป็นผู้เล่นที่ตีได้ไกล เมื่อเทียบกับรูปร่าง เขาไม่ใช่คนตัวสูงใหญ่แบบ โคเอปก้า หรือ ราห์ม และ ไบรสัน เดอชอมโบ แต่ตีได้ไกลมาก และตลอดช่วงปีที่แล้ว ขยับตัวเองกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดี ลุ้นแชมป์เมเจอร์ แม้ยังโดนอาถรรพ์ฝ่ากำแพง เดอะ มาสเตอร์ส ไปไม่ได้ แต่เขามีหวังที่จะคว้าแชมป์เมเจอร์ที่ห่างมือไปนาน 9 ปีอีกครั้ง 

ชัยชนะครั้งนี้จะเป็นของใคร ตัวเต็งจะมาตามนัด หรือม้ามืดจะแซงหน้าขึ้นมาแบบสุดเซอร์ไพรส์ ติดตามได้ใน พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ วันที่ 19-22 พ.ค. นี้ ถ่ายทอดสดทาง SPOTV (689)