แม็กซ์ นำม้วนเดียวจบ เมอร์ซิเดส ดับเบิ้ลโพเดียม

แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ เมื่อ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา นำจากตำแหน่งโพลแบบม้วนเดียวจบ ตามด้วย ลูอิส แฮมิลตัน และ จอร์จ รัสเซลล์ จาก เมอร์ซิเดส ที่การอัพเกรดรถประสบความสำเร็จด้วยดี 

เริ่มรอบแรกที่ คาตาลุนญ่า เซอร์กิต แม็กซ์ เวอร์สเตปเปนเบียดขวาเพื่อให้ได้มุมที่ดีกว่า แม้ คาร์ลอส ไซนซ์ เร่งเครื่องแรง แต่ช่วงเข้าโค้งไม่ได้เปรียบ ส่วน ลันโด นอร์ริส ตีคู่กับ ลูอิส แฮมิลตัน และเฉี่ยวล้อหลังทำให้ปีกหน้ารถแม็คลาเรนเสียหาย ต้องเข้าพิตไปเปลี่ยนอะไหล่ นอร์ริส อันดับ 3 ร่วงลงมาอันดับสุดท้าย 

เซอร์จิโอ เปเรซ ขยับขึ้นจาก 11 มาที่ 10 และขึ้นมาอันดับ 9 ในรอบที่ 6 และผ่านไปไม่ถึง 1 ใน 3 ของการแข่งขันก็สามารถขึ้นมาเป็นท็อป 5 จากนั้นในรอบที่ 15 ทีม เฟอร์รารี่ สั่งให้ ไซนซ์ เข้าพิตจนนักขับถามว่าทำไม เพราะตกไปอันดับ 6 โดน เมอร์ซิเดส สองคันแซงหน้า 

ผ่านไปครึ่งทางของการแข่งขันจากทั้งหมด 66 รอบ เวอร์สเตปเปน ยังเป็นผู้นำ และเข้าพิตเปลี่ยนยางชุดใหม่ไปแล้วโดยไม่เสียตำแหน่ง ตามด้วย ลูอิส แฮมิลตัน และ ไซนซ์ ขณะที่ เปเรซ อยู่อันดับ 9 หลังจากเข้าพิต และถัดจากนั้น 2 รอบ จอร์จ รัสเซลล์ ก็แซง ไซนซ์ ขึ้นไป ทำให้นักขับวิทยุพูดคุยกับทีมงานว่าจะทำอย่างไรเพื่อจะจบด้วยอันดับที่ดีกว่า เปเรซ ที่ไล่หลังมา

รอบที่ 46 เหลืออีกเพียง 20 รอบ รัสเซลล์ เข้าพิตอีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนยางด้วยความหวังจะจบด้วยตำแหน่งที่ดีที่สุด หรือบนโพเดียมตามที่ โตโต้ วอล์ฟฟ์ หัวหน้าทีมตั้งความหวัง เมื่อเข้าพิต ทำให้ เปเรซ ขึ้นมาเป็นที่ 3 และผ่านไปจนถึงรอบที่ 51 ทั้ง แฮมิลตันในอันดับ 2 และ เปเรซ อันดับ 3 เข้าพิตทั้งคู่เพื่อเปลี่ยนยางชุดใหม่ในการไล่ทำเวลาช่วงสุดท้าย 

5 รอบสุดท้าย เวอร์สเตปเปน โดนเตือน แทร็ค ลิมิต 2 ครั้ง แต่ก็ยังพยายามทำรอบเร็วที่สุด (Fastest Lap) ส่วน เปเรซ พยายามเข้าใกล้ รัสเซลล์ ในตำแหน่งโพเดียม แต่มีจังหวะที่ติดรถคันหน้า และไม่สามารถขึ้นมาได้ คว้าอันดับ 4 ทำให้ เมอร์ซิเดส ได้โพเดียม 2 คัน ขณะที่เจ้าของโพลเข้าเส้นชัยไปล่วงหน้า ด้วยความห่างจากอันดับ 2 มากกว่า 23 วินาที