“เวอร์สเตปเปน” คว้าแชมป์ “ดัตช์ กรังด์ปรีซ์” 3 สมัยซ้อน “อเล็กซ์ อัลบอน” จบด้วยอันดับ 8 ในการแข่งขันสุดโกลาหล สภาพอากาศแปรปรวน
แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์ ดัตช์ กรังด์ปรี เมื่อคืน 27 ส.ค. ที่ผ่านมา เป็นแชมป์ที่สนามนี้ 3 สมัยติดต่อกัน พร้อมทำสถิติแชมป์ 9 สนามติดต่อกันเทียบเท่า เซบาสเตียน เว็ทเทล ตามด้วย เฟร์นานโด อลอนโซ่ และ ปิแอร์ แกสลี่ย์ ที่ขึ้นโพเดียม เพราะ เซอร์จิโอ เปเรซ โดนปรับโทษ 5 วินาที ในการแข่งขันสุดโกลาหล หลากหลายสภาพอากาศ
เริ่มรอบแรกที่ ซานด์ฟอร์ต แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน ออกตัวพุ่งขึ้นมารักษาตำแหน่ง ขณะที่ อเล็กซ์ อัลบอน อยู่ไลน์ด้านใน แต่ร่วงลงไปเป็นอันดับ 5 เพราะความแรงเป็นรอง จอร์จ รัสเซลล์ และโดน เฟร์นานโด อลอนโซ่ แซ.ขึ้นไปอันดับ 4 จากนั้นเมื่อครบรอบก็เริ่มมีฝนตกลงมา ทำให้รถหลายคันเริ่มเข้าพิต
เซอร์จิโอ เปเรซ เป็นคันแรกที่เข้าพิต ส่วน ชาร์ลส์ เลอแกลร์ เสียเวลาในพิตมากกว่าปกติ เนื่องจากทีมงานเตรียมตัวได้ช้า ถัดจากนั้นไป 2 รอบ เปเรซ จึงขึ้นมาเป็นผู้นำ และรอบถัดไป เวอร์สเตปเปน ก็เปลี่ยนยางมาเรียบร้อย ค่อยๆ ไล่อันดับขึ้นมา จนขึ้นมาเป็นที่ 2
รอบที่ 11 เริ่มมีรถหลายคันเข้าพิตอีกครั้ง ฝนหยุด แดดออก แต่พื้นแทร็คยังมีความชื้น อีกสอบรองถัดมา เวอร์สเตปเปน ที่เปลี่ยนยางก่อน แซง เปเรซ ในพิต กลับขึ้นมานำอีกครั้ง ส่วน อัลบอน ไม่ได้เปลี่ยนยางช่วงที่มีฝน ยังใช้ยางชุดเดิมจากตอนที่ออกตัว และอยู่ในอันดับ 11
รอบที่ 17 โลแกน ซาร์เจนท์ พารถหมุน 360 องศา ไถลซัดกำแพงยางที่โค้ง 8 ของสนามทำให้เกิดธงเหลือง และมีรถเซฟตี้คาร์ออกมานำขบวน ต้องรอถึงรอบที่ 21 กว่าที่จะกลับมารีสตาร์ทอีกครั้ง ถึงตอนนี้ อเล็กซ์ แซง เควิน แม็กนุสเซ่น ขึ้นเป็นอันดับ 7 จากนั้นอีก 4 รอบถัดมาแซง โจว กวนยู ขึ้นอันดับ 6
ผ่านไปเกินครึ่งทาง อเล็กซ์ ยังคงใช้ยางชุดเดิม ผู้นำยังเป็น เวอร์สเตปเปน และมีรายงานจากทีมถึงนักขับว่าอาจมีฝนตกลงมาบางๆ ใน อีก 5-10 นาทีถัดไป จากนั้นในรอบที่ 42 ชาร์ลส์ เลอแกลร์ ที่มีปัญหามาตลอดตั้งแต่การเสียหายของตัวรถด้านหน้า ในที่สุดก็ออกจากการแข่งขัน โดยเข้าพิตไปแล้วไม่ได้ออกมา เข็นกลับเข้าอู่
รอบที่ 45 อเล็กซ์ เข้าพิตเปลี่ยนยางชุดใหม่ออกมาเป็นมีเดียมคอมพาวด์ จากนั้นกลับออกมาเป็ฯอันดับ 11 แต่เพียงแค่ 2 รอบก็ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 8 จากนั้นอีก 8 รอบก็แซงขึ้นมาที่อันดับ 7 จากนั้นรอบที่ 56 ก็แซง รัสเซลล์ ขึ้นเป็นอันดับ 6 แต่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มอีกครั้ง และคาดว่าจะมีฝนตกหนักในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
รอบที่ 61 เริ่มมีฝนพรำ รถหลายคันทยอยเข้าพิต และฝนก็เริ่มหนาเม็ดมากขึ้น เจ้าหน้าที่สนามประกาศว่าห้ามใช้ DRS อเล็กซ์ เข้าพิตช้า แต่ยังกลับออกมาในอันดับ 8 ก่อนโดน รัสเซลล์ แซงไปที่อันดับ 9 ฝนหนักทำให้ เปเรซ หักเลี้ยวพลาดที่โค้ง 1 ก่อนกลับออกมาในอันดับ 3 ไม่โดนกำแพง รถไม่เสียหาย แต่โดน เฟร์นานโด อลอนโซ่ แซงหน้าไป ถึงอย่างนั้นก็ยังหักรถกลับมา
รอบที่ 64 โจว กวนยู พารถอัดกำแพง เนื่องจากไม่สามารถหักเลี้ยวได้ เพราะสภาพอากาศที่กลายเป็นฝนตกหนัก โดยในรอบเดียวกันมีรถคันอื่นทั้ง ยูกิ ทซึโนดะ และ ลูอิส แฮมิลตัน ที่มีปัญหากับการหักเลี้ยวแต่ทั้งสองเบรกได้ทัน ทำให้ตอนนี้เกิดธงแดง ต้องยกรถของ อัลฟ่า โรเมโอ และมีการจัดกำแพงให้คืนสภาพ
ผ่านไปกว่า 30 นาที ฝ่ายควบคุมการแข่งขันประกาศว่าจะกลับมาออกตัวอีกครั้งในรูปแบบ โรลลิ่ง สตาร์ท หรือการเริ่มต้นโดยขณะที่รถวิ่ง ตามลำดับที่หยุดไว้ก่อนหน้านี้ ตามหลังเซฟตี้คาร์ และบังคับใช้ยางแบบอินเตอร์มีเดียทหรือยางสำหรับสนามเปียก โดยฝนก็หยุดลงแล้ว และเหลืออีกเพียง 7 รอบสนามเท่านั้น
เหลือ 5 รอบสนาม รัสเซลล์ ตกอันดับลงมาเนื่องจากรถมีปัญหา กลายเป็นอันดับสุดท้าย เนื่องจากขณะพยายามเร่งแซงปีกหน้ารถของ ลันโด นอร์ริส เจาะยางล้อหน้าของ รัสเซลล์ จากนั้นฝ่ายควบคุมการแข่งขันลงโทษ เปเรซ 5 วินาทีจากการใช้ความเร็วเกินกำหนดในพิตเลน และเข้าสู่รอบสุดท้าย คาร์ลอส ไซนซ์ พยายามบังทาง แฮมิลตัน ก่อนทำสำเร็จ ส่วน อเล็กซ์ อัลบอน จบด้วยอันดับ 8
สนามถัดไป ฟอร์มูล่า วัน อิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ วันที่ 1-3 ก.ย. นี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง บีอินสปอร์ตส์ 1 (607)
ภาพถ่ายทอด
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial