เอสปาร์กาโร่ คว้าแชมป์ เอพริเลีย อันดับ 1-2 ครั้งแรก

“เอสปาร์กาโร่” คว้าแชมป์ “กรัน เปรมิโอ เด คาตาลุนญ่า” และ “เอพริเลีย” คว้าตำแหน่ง 1-2 ครั้งแรกใน “โมโตจีพี” รุ่นพรีเมียร์คลาส

อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่ คว้าแชมป์ กรัน เปรมิโอ เด คาตาลุนญ่า เมื่อคืน 3 ก.ย. ที่ผ่านมา รอดจากอุบัติเหตุในรอบแรกแบบเฉียดฉิว และผ่านบททดสอบจากการออกตัวในไม่ดีในการรีสตาร์ท แซงหน้า แมฟเวอริก บิญาเลส เพื่อนร่วมทีม แต่ก็เป็นการทำอันดับแบบ 1-2 ครั้งแรกของ เอพริเลีย ในประวัติศาสตร์รุ่น พรีเมียร์คลาส โดยตำแหน่งสุดท้ายบนโพเดียมเป็นของ ฆอร์เก มาร์ติน

ทันทีที่เริ่มออกตัว ก่อนเข้าโค้งแรก ฆอร์เก มาร์ติน สอดขึ้นมาในอันดับสอง จากนั้นกลุ่มตรงกลางมีการไถลล้ม 5 คันรวด เริ่มจากคันด้านในโค้ง อีนิอา บาสเตียนีนี่ สะกิดกับ โยอันน์ ซาร์โก้ กวาดโดน อเล็กซ์ มาร์เกซ , ฟาบิโอ ดิจานอันโตนิโอ และ มาร์โก เบซเซคคี่

เอสปาร์กาโร่ ซิวโพล ทุบสถิติรอบเร็วสุด คาตาลุนญ่า

กวาร์ตาราโร่ ซิวแชมป์ เอสปาร์กาโร่ ร่วงโพเดียม

เอสปาร์กาโร่ อธิบายเหตุ หยุดรถเสียอันดับโพเดียม

จากนั้นหลังผ่านโค้งถัดไป ท้ายรถของ ฟรานเชสโก้ บาญาย่า สะบัดจนล้มไปเอง แรงเหวี่ยงทำให้ร่างกายหมุนอยู่กลางสนาม แต่มีรถคันที่ตามหลังมา เป็นรถของ แบรด บินเดอร์ ซึ่งไม่สามารถหลับทัน ชนเข้าที่ขา อุบัติเหตุสองครั้งทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องโบกธงแดง รถพยาบาลตรงเข้าไปจอดในที่เกิดเหตุ โดยมีรายงานว่า บาญาย่า มีสติรู้สึกตัวดี

เจ้าหน้าที่ทำการเก็บกวาดและปรับพื้นสนาม จากนั้นจะเริ่มออกมตาร์ทอีกครั้งด้วยตำแหน่งกริดเดิม เนื่องจากเพิ่งผ่านไปแค่สองโค้ง ยังไม่ทันครบรอบ โดยเมื่อปากทางพิตเลนเปิดอีกครั้ง บาญาย่า และ บาสเตียนีนี่ สองนักบิดทีม ดูคาติ ไม่ได้กลับเข้ามาในรอบอุ่นเครื่อง

การแข่งขันเริ่มรีสตาร์ทอีกครั้ง ฆอร์เก มาร์ติน พยายามแทรกขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่โดน แมฟเวอริก บิญาเลส แซงหน้า ส่วน อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่ หลุดไปเป็นอันดับ 3 จากนั้นเพียงครึ่งรอบ โปล เอสปาร์กาโร่ ออกจากการแข่งขันเพราะปัญหาทางเทคนิค และอีก 3 รอบต่อไป แบรด บินเดอร์ ก็ออกจากการแข่งขันด้วยปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับรถเช่นกัน

เหลืออีก 20 รอบ เอสปาร์กาโร่ แซง มาร์ติน ขึ้นไปไล่เพื่อนร่วมทีม เอพริเลีย และยังคงอยู่ในตำแหน่งนี้ไปจนถึงครึ่งทางของการแข่งขัน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ มาร์ติน ที่แซงหน้า โอลิเวียร่า ขึ้นมา

เข้าสู่ 5 รอบสุดท้าย ช่องว่างระหว่าง บิญาเลส และ เอสปาร์กาโร่ ที่เคยห่างถึง 1.3 วินาทีหดลงมาเหลือเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น และในที่สุด เมื่อเหลือเพียง 4 รอบ เอสปาร์กาโร่ ก็สามารถแซงหน้าเพื่อนร่วมทีมขึ้นนำได้สำเร็จ ในจังหวะเข้าโค้งที่ บิญาเลส พลาดตีโค้งกว้างจนเกินไป หลุดออกนอกเส้นทางปกติเล็กน้อยก่อนกลับมาได้ จากนั้น เอสปาร์กาโร่เร่งเครื่องห่างกว่า 1.4 วินาทีก่อนเข้าเส้นชัย คว้าแชมป์ทไปครอง