“แม็กซ์” คว้าแชมป์ “อิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์” ที่ มอนซ่า เซอร์กิต ทุบสถิติ “เว็ทเทล” และ “เร้ดบูลล์ เรซิ่ง” ชนะรวด 15 สนามต่อไป
แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์ อิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ เมื่อคืน 3 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นแชมป์สนามที่ 10 ติดต่อกัน ทุบสถิติของ เซบาสเตียน เว็ทเทล และเป็นชัยชนะสนามที่ 15 ติดต่อกันของ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ส่วนเจ้าของโพล คาร์ลอส ไซนซ์ มาในอันดับ 3
รอบอุ่นเครื่องรถของ ยูกิ ทซึโนดะ จอดที่ข้างสนามเนื่องจากมีปัญหา ทำให้มีการปรับตำแหน่งตั้งแต่อันดับ 11 ลงมา และรถของ อัลฟ่าทอรี ออกไปตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้น การออกสตาร์ทจึงเลื่อนไปเล็กน้อย ทีมงานจึงต้องเข้ามาดูแลยางและเบรกเพื่อรักษาอุณหภูมิ
ไม่มีการขับรอบฟอร์เมชั่นอีกครั้ง คาร์ลอส ไซนซ์ ออกตัวอย่างยอดเยี่ยม แม้รีแอ็คชั่นช้ากว่า แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน แต่หาจังหวะปิดมุมทางขวาซึ่งเป็นโค้งแรกได้ดี โดย ชาร์ลส์ เลอแกลร์ พยายามสอดแทรกแต่ไม่สำเร็จ ยังตาม เวอร์สเตปเปน ในอันดับ 3 ขณะที่ อเล็กซ์ อัลบอน นักขับไทยเสียตำแหน่งไปอยู่ที่ 7 แต่รอบถัดมา แซงหน้า ออสการ์ ปิอัสตรี กลับขึ้นมา
ผ่านไป 10 รอบ หัวแถวในอันดับ 1 2 3 ยังไม่เปลี่ยนแปลง ถัดไปในอันดับ 4 และ 5 เซอร์จิโอ เปเรซ กำลังไล่กดดัน จอร์จ รัสเซลล์ ที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นในรอบที่ 14 ทั้งสองพยายามแซงกัน เชโก้ เร่งแซงแต่โดนเอาคืนทันที จากนั้นในอีก 2 รอบถัดไปถึงแซงได้
ขณะที่กลุ่มหัวแถว เวอร์สเตปเปน ที่ไล่หลัง ไซนซ์ มาตลอดและพยายามสังเกตอาการคู่แข่งอยู่ตลอด ใช้จังหวะเมื่อรถของ เฟอร์รารี่ เกิดอาการล้อหลังล็อก เร่งเครื่องแซง จากนั้นในโค้งถัดไป ไซนซ์ พยายามเร่งเอาคืน แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากกริปของ เร้ดบูลล์ทำงานได้ดี ขณะที่ อเล็กซ์ อัลบอน เข้าพิตและบอกกับทีมวิศวกรถึงปัญหาเรื่องเบรก และการกินยาง
อันดับ 6 และ 7 เป็นรถของ แม็คลาเรน ปิอัสตรี นำหน้า ลันโด นอร์ริส ที่บ่นกับทีมงานว่า ความเร็วของตัวเองดีกว่าเพื่อนร่วมทีม แต่ผ่านไป 5 รอบอันดับก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยในจังหวะเดียวกัน เลอแกลร์ ก็บอกกับทีมงานว่า รถของ ไซนซ์ ที่อยู่ข้างหน้าดูจะมีปัญหาเล็กน้อย และ ไซนซ์ ก็บอกทางวิทยุว่า ยางรถใช้งานหนักมาก จากการขับหนี เวอร์สเตปเปน จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน และเข้าพิตในรอบถัดไป
ผ่านไปครึ่งทาง รถเกือบทุกคันเข้าพิตแล้ว 1 ครั้ง ยกเว้น ลูอิส แฮมิลตัน ที่ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 ตามหลัง เวอร์สเตปเปน และในรอบที่ 27 ไซนซ์ และ เลอแกลร์ ที่ยางใหม่กว่าแซงหน้า แฮมิลตัน ที่เข้าพิตเป็นครั้งแรก และเปลี่ยนยาง มีเดียม คอมพาวด์ ออกมาในอันดับ 10
รอบที่ 32 เปเรซ ที่ตามหลัง เลอแกลร์ บ่นกับทีมงานว่า เลอแกลร์ไม่ให้พื้นที่ในการแซง โดยวิศวกรบอกว่าโอกาสจะมาถึงเพราะรถของ เร้ดบูลล์ เร็วกว่า และในที่สุดก็แซงได้ ขึ้นอันดับ 3 ขณะที่ ไซนซ์ เริ่มหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อ เปเรซ ไล่หลังมา
รอบที่ 38 นอร์ริส พยายามแซง อเล็กซ์ ที่อยู่ข้างหน้า แต่ช่วงเข้าโค้ง นอร์ริส ตัดโค้งออกอีกทางและแซงได้ ทำให้ต้องรีบคืนตำแหน่ง จากนั้น อเล็กซ์ พยายามบังโค้ง ยังรักษาอันดับ 6 เอาไว้ได้ ส่วนอันดับ 8 ปิอัสตรี และ 9 แฮมิลตัน ไล่ชิงตำแหน่งกันในรอบถัดไป ล้อหลังของ แฮมิลตัน เฉี่ยวหน้ารถ ปิอัสตรี ทำให้ทั้งสองออกไปที่ถนนด้านนอก และ ปิอัสตรี รีบเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนอะไหล่หน้ารถ กลับออกมาตกลงไปในอันดับ 14 ส่วน แฮมิลตัน ยังขับต่อไป
รอบที่ 41 เปเรซ พยายามแซง ไซนซ์ อีกครั้งอย่างไม่ลดละ ใช้ DRS ในทางตรง แต่มาถึงทางโค้งก่อนแซงได้ ยังอยู่ในอันดับ 3 ต่อไป จากนั้นฝ่ายควบคุมสนามประกาศให้ แฮมิลตัน โดนปรับโทษ 5 วินาที จากนั้น ความพยายามมากกว่า 3 ครั้งของ เปเรซ มาประสบความสำเร็จในรอบที่ 46 ขึ้นอันดับ 2 ได้สำเร็จ
เข้าสู่ 5 รอบสุดท้าย แฮมิลตัน ขึ้นอันดับ 7 และด้วยความใหม่กับประเภทของยางที่มีประสิทธิภาพดีกว่า ทำให้สามารถแซงได้สำเร็จ ส่วนคู่ข้างหน้าอันดับ 3 และ 4 ไซนซ์ และ เลอแกลร์ สองคันจาก เฟอร์รารี่ แย่งตำแหน่งบนโพเดียมกันเอง แต่ เลอแกลร์ ขึ้นที่ 3 ได้เพียงโค้งเดียว และโดนแซงคืน โดยในรอบสุดท้ายทั้งสองยังพยายามแย่งตำแหน่งกัน ล้อล็อกควันกระจาย แต่เป็น ไซนซ์ ที่คว้าอันดับ 3
อเล็กซ์ อัลบอน นักขับไทย จบด้วยอันดับ 7 ตามหลัง แฮมิลตัน มากกว่า 7 วินาที ไม่สามารถขยับอันดับจากการที่ แฮมิลตัน โดนปรับโทษ 5 วินาทีได้ แต่สามารถบังทาง นอร์ริส และทำอันดับอยู่ข้างหน้าแบบเฉียดฉิว
ฟอร์มูล่า วันสนามถัดไป สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ วันที่ 15-17 ก.ย. นี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง บีอินสปอร์ตส์1 (607)
ภาพถ่ายทอด
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial