ขมความมันส์ ศึกคนชนคน ในรอบ ศึกไวล์ดคาร์ด ทาง ทรูสปอร์ตส 1 ทั้ง 6 คู่
สัปดาห์สุดท้ายของ เอ็นเอฟแอล ฤดูกาลปกติ 2023 เข้มข้น สมกับความคาดหวัง
แจ็คสันวิลล์ แจกัวร์ส กลายเป็นทีมอกหัก เมื่อโดน สปิริตจาก เทนเนสซี่ ไททั่นส์ กระชากตกรอบไปพร้อมกัน ส่งผลให้ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส รับ อานิสงส์ หลุดเข้าเพลย์ออฟ สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม นับจากลีก ขยายพื้นที่เพลย์ออฟเมื่อปี 2020 ยังไม่เคยมีทีมอันดับเจ็ด ชนะศึกไวล์ดคาร์ด มาก่อน แพ้กลับบ้านไปทั้ง หกทีมถือเป็น แนวโน้ม ไม่เป็นใจ ทั้ง สตีลเลอร์ส และ กรีน เบย์ แพคเกอร์ส ก็ว่าได้เท่านั้นไม่พอ ควอร์เตอร์แบ็คทั้งสองทีม รวมถึง ไมอามี่ ดอลฟินส์ และ ฮิวสตั้น เท็กแซนส์ ยังไม่เคยสัมผัสเพลย์ออฟมาก่อน
ตามสถิติเก่าตั้งแต่ปี 2002 ควอร์เตอร์แบ็ค ที่เพิ่งสตาร์ทเพลย์ออฟ เกมแรก ในรอบ ไวล์ดคาร์ด แพ้ 39 จาก 54 นัดด้วยกันเกริ่นมาตั้งนานก็เพื่อจะให้ สมาชิก ทรูวิชั่นส์ และผู้ที่สนใจ เอ็นเอฟแอล ได้เห็นความละเอียดเรื่องสถิติในกีฬาอเมริกัน
ก่อนมาชมการถ่ายทอดสด ศึกไวล์ดคาร์ด ทาง ทรูสปอร์ตส 1 ทั้งหก คู่ ตามวันและเวลาดังนี้ ครับ
เช้าอาทิตย์ที่ 14 มกราคม
คลีฟแลนด์ บราวน์ส(11-6) ทีมอันดับห้า เยือน ฮิวสตั้น เท็กแซนส์(10-7) ทีมอันดับสี่ เวลา 04.30 น.
เสียดายที่ เดอชอน วัตสัน ควอร์เตอร์แบ็คค่าจ้างแพง บาดเจ็บพักยาวไปซะก่อน ไม่งั้น คงมีประเด็นที่เขาจะยกทัพ บราวน์ส กลับไปเยือน ฮิวสตั้น ถิ่นเก่า
แต่ถ้า มองอีกแง่นึง วัตสัน ไม่เจ็บ บราวน์ส ก็อาจมาไม่ถึงจุดนี้
พวกเขาเคยหน้ามืด เทรดอย่างขาดทุนยับเยินสุด หนนึงในประวัติศาสตร์ลีก เมื่อมีนาคม 2022
สาเหตุสำคัญที่ เท็กแซนส์ เข้าเพลย์ออฟ ปีนี้ เนื่องจาก ผลพวงสิทธิดราฟต์ที่ได้จากการเทรด วัตสัน นั่นเอง
ในทางกลับกัน บราวน์ส เอาตัว วัตสัน มาใช้งาน สองฤดูกาล แทบไม่ได้ผลงานอะไร แถมยังต้องจ่ายค่าจ้างการันตี ตลอดอายุสัญญา 230 ล้านเหรียญ(8280 ล้านบาท)
พอ วัตสัน บาดเจ็บ ฝ่ายบริหาร ก็จำใจต้องเชิญ โจ แฟล็กโก้ ให้ลงจาก โซฟา ที่บ้านแม่ มาช่วยกู้สถานการณ์ โดยไม่คาดหวังอะไรมากนัก
ค่าจ้าง แฟล็กโก้ มีแค่ การันตีสี่แสนเหรียญ(14.4 ล้านบาท) และ ชนะเกมนึง รับ 75,000 เหรียญ(2.7 ล้านบาท)
สี่เกมในฐานะตัวจริง แฟล็กโก้ ขว้างอย่างน้อย 300 หลา พร้อมเก็บชัยชนะทั้งสี่ครั้ง หนึ่งในนั้น ทำใส่ เท็กแซนส์ 36-22 เมื่อสัปดาห์ 16
แฟล็กโก้ ขว้าง 368 หลา สามทัชดาวน์ แม้ ซี.เจ.สเตราด์ ควอร์เตอร์แบ็คความหวัง เท็กแซนส์ ไม่ได้แข่ง เกมดังกล่าว แต่ เขาก็ไม่ได้อยู่ในทีมป้องกัน
ซีซั่นนี้ กองหลัง เท็กแซนส์ เสียระยะขว้างให้คู่แข่งมากเป็นอันดับสิบลีก
เมื่อ สเตราด์ กลับลงแข่ง ก็อาจไม่ใช่การดวลสกอร์ อยู่ดี ในเมื่อ ทีมรับ บราวน์ส เหนียวแน่น เสียระยะขว้างน้อยสุดของลีก
อย่าลืมด้วยว่า สเตราด์ เป็นเพียงรุคกี้ ซึ่งตามประวัติสิบปีที่ผ่านมา รุคกี้ควอร์เตอร์แบ็ค เข้ามาเพลย์ออฟ แพ้กลับไป 5 จาก 6 ครั้ง
ยกเว้นเพียง บร็อก เพอร์ดี้ ของ นายเนอร์ส แต่ตอนนั้นทีมของเขาเป็นต่อถึงสิบแต้ม (เท็กแซนส์ ถูกวางให้เป็นรอง 2.5 แต้ม)
ควอร์เตอร์แบ็ครุคกี้ เมื่อแข่งเพลย์ออฟ เกมแรก ขว้างเข้าเป้าแค่ 55% ระยะเพียง 189 หลา นอกจากนี้ ยังเสียอินเทอร์เซ็ปต์(42) มากกว่า ทัชดาวน์(33) ซะอีก
เท่านั้นไม่พอ ยังไม่เคยมี ควอร์เตอร์แบ็คดราฟต์ เข้าลีกสองอันดับแรก เคยชนะเพลย์ออฟ เกมแรกมาก่อน(สองคนล่าสุด แอนดรูว์ ลัก กับ รอเบิร์ต กริฟฟิ่นที่สาม แพ้ยับระดับสิบคะแนน)
แม้ สเตราด์ อาจเป็นเด็กมีพรสวรรค์ แต่ควอร์เตอร์แบ็คฝั่งตรงข้ามของเขา คือ แฟล็กโก้ ผู้ที่ชนะเพลย์ออฟ นอกบ้านมากสุดร่วมประวัติศาสตร์ เท่ากับ ทอม เบรดี้
ไมอามี่ ดอลฟินส์(11-6) ทีมอันดับหก เยือน แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์(11-6) ทีมอันดับสาม เวลา 08.00 น.
นอกจากประเด็น เทย์เลอร์ สวิฟท์ คงต้องตามเชียร์ แทรวิส เคลซี่ ปีกใน เจ้าบ้านที่เป็นแฟนของเธอ แล้ว
ประเด็น ดอลฟินส์ แพ้ บัฟฟาโล่ บิลล์ส ในเกมปิดท้ายฤดูกาลปกติ ก็น่าสนใจ เพราะไม่เพียงทำให้ พวกเขาชวดโอกาสได้แชมป์ ดิวิชั่น ยังต้องกลายเป็นทีมเยือน ในรอบไวล์ดคาร์ด อีก
เท่านั้นไม่พอ ยังต้องต่อสู้กับ ความหนาวเย็น ระดับประวัติศาสตร์ด้วย
ดอลฟินส์ มาจาก เมืองอากาศสบายๆ และต่อสู้กับ ความหนาว แย่สุดของลีก
สิบเกมล่าสุดที่ เวลาคิกออฟแล้ว หนาวกว่า 4.44 เซลเซียส ดอลฟินส์ แพ้เรียบ เฉลี่ย ขาดลอย 17 คะแนน
พยากรณ์อากาศบอกว่า เมื่อถึงเวลาแข่ง อุณหภูมิอาจตกไปเหลือ -9.44 เซลเซียส โดยยังไม่รวมแรงลม
ดอลฟินส์ ไม่สามารถจำลองการซ้อม ท่ามกลางความหนาวเย็นแบบนั้นได้ ในขณะที่ อุณหภูมิที่ ไมอามี่ อยู่ระดับ 20 กว่า เซลเซียส
ทัวอา ทาโกไวลัว ควอร์เตอร์แบ็ค พวกเขาเคยสตาร์ท เกมเย็นสุด คือ ต่ำกว่า 7.2 เซลเซียส อยู่สี่ครั้ง ปรากฏว่า แพ้หมด
สี่เกม ดังกล่าว ทาโกไวลัว เรตติ้งแค่ 71.8 ขว้างเข้าเป้า 55.5% ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยทั้งอาชีพ เรตติ้ง 97.1 และ คอมพลีต 66.9% ชัดเจน
โดยสี่เกม ดังกล่าว ยังเทิร์นโอเวอร์ รวม ห้าครั้ง และได้มาแค่ สี่ทัชดาวน์
ไหนจะประเด็น ทายหรีก ฮิลล์ ปีกนอก ดอลฟินส์ หวังกลับไปล้างตาทีมเก่าถึง แคนซัส ซิตี้
หลายคนอาจจำได้ว่า สองทีมนี้ เคยเจอกันมาก่อน โดย ชีฟส์ เอาชนะ 21-14 แต่ นั่นคือเกมใน เยอรมันนี
อย่างน้อย ทีมรับ ชีฟส์ ก็คุ้นเคยกับสไตล์ ฮิลล์ พอสมควร คงไม่ปล่อยให้ เป้าหมายล้างตา บรรลุได้ง่ายๆ
ชีฟส์ คือแชมป์เก่า ที่เข้ารอบมาแบบหลายคนมองข้ามนับเดือนแล้ว
เกมบุกพวกเขาตะกุกตะกัก แทบตลอดฤดูกาล หลายคน รับบอลหลุดมือเป็นว่าเล่น
แม้แต่ตอน ชนะ ดอลฟินส์ สัปดาห์ 9 แพทริก มาโฮมส์ ยังขว้างไม่ถึง 200 หลา
เรียกได้ว่า ทั้งสองทีม ต่างมีบทพิสูจน์ตัวเองพอสมควร ดอลฟินส์ จะมีปัญญาชนะการแข่งท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เป็นหรือยัง?
เกมบุก ที่เคยดุดันของ ชีฟส์ จะตื่นขึ้นมา หรือต้องสลบคารังตัวเอง
คืนวันอาทิตย์ต่อเช้าวันจันทร์ที่ 15 มกราคม
พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส(10-7) ทีมอันดับเจ็ด เยือน บัฟฟาโล่ บิลล์ส(11-6) ทีมอันดับสอง เวลา 01.00 น.
สตีลเลอร์ส โกงความตาย เพื่อเข้ามาตกรอบนี้ มั้ย? ในเมื่อทีมอันดับเจ็ด ไม่เคยชนะเพลย์ออฟ ไม่พอ ยังสู้ไม่ได้อีกต่างหากแพ้ เฉลี่ย 12.2 คะแนน
นี่ยังไม่รวมถึงปัจจัย ที.เจ.วัตต์ สุดยอดตัวโจมตี บาดเจ็บเอ็นด้านในเข่า บิดระดับสอง หมดโอกาสลงแข่ง
สตีลเลอร์ส ลงแข่งโดยไม่มีเขา 11 เกมก่อนหน้า แพ้ถึง 10
ทีมรับเวลามี วัตต์ ลงแข่ง เสียเฉลี่ยแค่ 19.8 แต้ม แต่ เมื่อไหร่ เขาลงไม่ได้ ทีมจะเสีย 26.3 แต้ม
ยอดการแซ็ค เฉลี่ยก็หายไปเกินเท่าตัว จาก 3.3 ครั้ง เหลือ 1.5
เกมบุกสตีลเลอร์ส อาจได้ ปาฏิหารย์ จาก เมสัน รูดอล์ฟ ควอร์เตอร์แบ็คมือสาม จนคว้าชัย สามเกมติด
คงต้องบอกกับ แฟนๆ สตีลเลอร์ส ว่า พวกคุณมาถึง สิ้นสุดทางเลื่อนแล้ว
นึกไม่ออกว่า พวกเขาจะรอดน้ำมือ จอช แอลเล่น และพลพรรค บิลล์ส ได้ยังไง
กรีน เบย์ แพคเกอร์ส(9-8) ทีมอันดับเจ็ด เยือน ดัลลัส คาวบอยส์(12-5) ทีมอันดับสอง เวลา 04.30 น.
แพคเกอร์ส คืออีกทีมที่เข้ารอบมาแบบงงวย จากเมื่อ 14 พฤศจิกายน ยังสถิติ 3-6 แย่สุดอันดับหกร่วมของลีก
จอร์แดน เลิฟ ควอร์เตอร์แบ็คความหวังทำท่าจะโดนจับนั่งสำรองเอาด้วยซ้ำ
ปรากฏว่า ปาฏิหารย์เกิดขึ้น แปดสัปดาห์ต่อมา เลิฟ พุ่งทะยาน เป็นควอร์เตอร์แบ็คระดับหัวแถวลีก
จอมทัพแพคเกอร์ส ขว้าง 18 ทัชดาวน์ เสียเพียง หนึ่งอินเทอร์เซ็ปต์ ในเวลาสองเดือน
พลิกประวัติเก่าๆลีก นี่คือ ควอร์เตอร์แบ็คเพียงรายหก ที่ขว้างอย่างน้อย 18 ทัชดาวน์ แล้วเสียไม่เกิน หนึ่งอินเทอร์เซ็ปต์ ในช่วงแปดสัปดาห์สุดท้าย
ความร้อนแรงจะยังเหลืออยู่มั้ย? เมื่อ เส้นทางต้องโคจรมาปะทะคนคุ้นเคยอย่าง ไมค์ แม็คคาร์ธี่ อดีตโค้ช แพคเกอร์ส
ห้าปีก่อน ฝ่ายบริหาร แพคเกอร์ส ตะเพิด แม็คคาร์ธี่ เพราะเกมบุก หมดสภาพ
ใครจะไปคิดว่า ทุกวันนี้ แม็คคาร์ธี่ คือคนเรียกเพลย์ ให้เกมบุก ซึ่งทำสกอร์มากสุดของเอ็นเอฟแอล
ถือว่า ทีมบุกทั้งสองฝ่าย ไม่เบา จึงเป็นไปได้ว่า ผลงานทีมรับจะเป็นตัวตัดสิน ซึ่งคาวบอยส์ ค่อนข้างได้เปรียบในส่วนนี้
อย่าลืมอีกปัจจัยว่า คาวบอยส์ ไร้เทียมทาน เมื่อแข่งในบ้าน คว้าชัย 16 เกมรวด รวมทั้ง 8-0 ฤดูกาลนี้ โดยยังชนะเฉลี่ย 21.5 คะแนนทีเดียว
ในทางกลับกัน แพคเกอร์ส แพ้ เวลาเยือนคู่แข่งต่างดิวิชั่น 5 จาก 6 นัด โดย หนเดียวที่ คว้าชัย คือ เชือด แพนเธอร์ส ทีมบ๊วยลีกด้วยฟิลด์โกล์ วินาทีท้าย
ความหวังของ แพคเกอร์ส ก็คือต้องอาศัยเกมวิ่งทะลวงสู้ แต่คงไม่มีทีมไหนที่ แม็คคาร์ธี่ เจ็บแค้น อยากเอาชนะมากไปกว่า ทีมที่เคยตะเพิดเขาออกมาอย่างไม่เห็นค่า
สุภาษิตจีนบอกว่า สิบปีล้างแค้นยังไม่สาย แต่สำหรับ แม็คคาร์ธี่ ขอเวลาแค่ห้าปี เท่านั้น
แอลเอ แรมส์(10-7) ทีมอันดับหก เยือน ดีทรอยท์ ไลอ้อนส์(12-5) ทีมอันดับสาม เวลา 08.00 น.
นี่คือหนแรกรอบสามทศวรรษ ที่ ดีทรอยท์ ไลอ้อนส์ จะเปิดบ้านแข่งเพลย์ออฟ โดยคู่แข่งที่ขวางทางสู่ชัยชนะเพลย์ออฟหนแรกในเวลาเกิน 32 ปี ก็ไม่ใช่ใครอื่น
แมตธิว สแตฟเฟิร์ด อดีตดราฟต์คนแรกของทีม ปี 2009 ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยได้สัมผัส คำว่าแข่งเพลย์ออฟใน ดีทรอยท์ มาก่อน
สแตฟเฟิร์ด เคยเข้าเพลย์ออฟ สมัยอยู่กับ ไลอ้อนส์ สามหน ต้องออกไปสู้ นอกบ้านทั้งหมด
นี่ยังเป็น เกมแรกที่ เขาได้กลับมา ยังดีทรอยท์ นับจาก โดนเทรดให้ แรมส์ เมื่อมีนาคม 2021
ฝ่ายที่กดดัน น่าจะเป็น ไลอ้อนส์ เอง ในเมื่อ มีศักดิ์ศรีถึงแชมป์ดิวิชั่น อันดับสูงกว่า และเป็นต่อก่อนลงสนาม
เจเร็ด กอฟฟ์ ก็กดดันพอกัน เพราะ เขาจะได้เผชิญหน้าทีมและ ฌอน แม็คเวย์ เฮดโค้ช ที่เคยเทรดทิ้ง เนื่องจากมองว่า ขุนไม่ขึ้นแล้ว
คงไม่มีใครในโลก มองเห็นจุดอ่อนในตัว กอฟฟ์ มากกว่า แม็คเวย์ จึงเป็นเหตุผลให้เลือกแยกทาง ทั้งที่เคยเข้า ซูเปอร์ โบว์ล ด้วยกันมาก่อน
ในทางกลับกัน ก็คงไม่มีทีมไหนที่ กอฟฟ์ อยากเขี่ยตกรอบมากไปกว่า แรมส์ และ แม็คเวย์
การสู้ศึกของ กอฟฟ์ และ สแตฟเฟิร์ด ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เพลย์ออฟ ที่ อดีตควอร์เตอร์แบ็คตัวจริงสองฝ่ายจะได้ชนกับทีมเก่าตัวเอง
ไลอ้อนส์ มีจุดเปราะตรงเกมป้องกันขว้าง เสียระยะ 247.4 หลา มากสุดอันดับหกลีก
นั่นไม่ใช่ข่าวดี เมื่อคุณต้องดวลกับ เกมบุก แรมส์ ซึ่งผู้เล่น กลับมาพร้อมหน้า อีกครั้ง
มีเพียงแปดเกม ในซีซั่นนี้ ที่ สแตฟเฟิร์ด, คายเรน วิลเลี่ยมส์, คูเพอร์ คัพพ์ และ พูค่า นาคัว ได้ลงพร้อมกัน
แปดเกมดังกล่าว สแตฟเฟิร์ด ขว้าง 18 ทัชดาวน์ เสียแค่ 3 อินเทอร์เซ็ปต์ แรมส์ ทำเฉลี่ย 28.5 คะแนน ผลงานชนะ 6 แพ้ 2
ไลอ้อนส์ เหมือนโดนคำสาปจาก ดัลลัส คาวบอยส์ คู่แข่งรายสุดท้ายที่ พวกเขาเอาชนะเพลย์ออฟ เมื่อ มกราคม 1992 ในรอบดิวิชันน่อล
ไลอ้อนส์ ยังเป็นทีมเดียวของลีก ซึ่งไม่มีปัญญาชนะ รอบไวล์ดคาร์ด มาก่อน
อาถรรพ์ สามทศวรรษ จะโดนทำลายลง หรือว่า เป็น สแตฟเฟิร์ด ที่ยังกลับมาทำร้ายทีมเก่า ให้ต้องทนทุกข์กันต่อไป?
ปิดท้ายรอบไวล์ดคาร์ด เช้าวันอังคารที่ 16 มกราคม
ฟิลาเดลเฟีย อีเกิ้ลส์(11-6) ทีมอันดับห้า เยือน แทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์ส(9-8) ทีมอันดับสี่ เวลา 08.15 น.
อีเกิ้ลส์ รองแชมป์เก่า ตกในสภาพง่อยเปลี้ยเสียขา ถอยหลังเข้ารอบมาอย่างไม่น่าเชื่อ จะพบ กับ บัคคาเนียร์ส ที่เกมบุก หมดสภาพ
ใครจะนึกว่า อีเกิ้ลส์ ซึ่งเคยเป็นเต็งแชมป์ พกสถิติ 10-1 เข้าสู่เดือน ธันวาคม กลับปราชัย 5 จาก 6 เกม พร้อมข่าวลือการแตกร้าวภายใน ล็อคเกอร์รูม ไม่เห็นหัว โค้ช นิก ซิเรียอานี่ กันแล้ว
เกมป้องกันดูย่ำแย่ เกมบุกก็ออกทะเล จนดูเหมือนผู้เล่น ไม่มีความเชื่อใจ สตาฟฟ์โค้ชตัวเอง อีกต่อไป มันเป็นสูตรผสมของหายนะ ดีๆ นี่เอง
โชคยังช่วยพวกเขา เพราะ คู่แข่ง ดูจะหมดสภาพกว่าอีก ตลอดสองสัปดาห์ บัคคาเนียร์ส ทำเกมบุก หล่นหายไปไหนไม่รู้
จากที่ควรต้องได้แชมป์ ดิวิชั่น สัปดาห์ 17 กลับมีปัญญาได้แค่ 13 แต้ม แพ้ เซ้นต์ส สิบแต้ม
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจอกับ ทีมบ๊วยของวงการ อย่าง แพนเธอร์ส ยังมีปัญญาได้แค่ 9 คะแนน จากสามฟิลด์โกล์
สองทีมที่กำลังทิศทางพุ่งลงเหว ดันมาเจอกัน
ปีนี้ อีเกิ้ลส์ สถิติ 5-1 เมื่อเปิดเกมวิ่งได้ระยะอย่างน้อย 140 หลา แต่ อย่างน้อย ทีมรับของ บัคคาเนียร์ส ก็มีดี เสียระยะวิ่ง น้อยเป็นอันดับห้าของลีก
เรามาดูกันว่า สองทีมนี้
Getty
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial