มาร์ก บุลลิงแฮม ประธานบริหารของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการต่อสัญญาใหม่กับทาง แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษแต่อย่างใด หลังจากที่สัญญาจะหมดลงในช่วงสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าน่าจะมีการพูดคุยอย่างจริงจังหลังจากที่ศึกยูโร 2024 จบลง
เซาธ์เกต เริ่มต้นรับงานคุมทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่มาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2016 ต่อจาก แซม อัลลาไดซ์ ที่ลาออกจากตำแหน่งไปเนื่องจากถูกแฉว่ามีการรับเงินสินบน ก่อนจะทำผลงานได้ดีอย่างน่าเซอร์ไพรส์ เมื่อจัดการพาทีมสิงโตคำรามไปถึงรอบรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลกปี 2018 แต่ไปแพ้ต่อ โครเอเชีย 1-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และคว้าอันดับที่ 4 ได้ในทัวร์นาเมนท์ครั้งนั้น
จากนั้นก็พาทีมคว้าอันดับ 3 ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ในปี 2018-19 ต่อด้วยการนำทีมชาติอังกฤษไปถึงรอบชิงชนะเลิศของศึกยูโร 2020 แต่ไปพ่ายจุดโทษต่อ อิตาลี 2-3 ทำให้ได้เพียงแค่ตำแหน่งรองแชมป์ไป แต่ก็ถือเป็นการทำอันดับที่ดีที่สุดของอังกฤษในรายการระดับเมเจอร์ นับตั้งแต่ที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 1966
อย่างไรก็ตาม ในศึกฟุตบอลโลกปี 2022 ที่ กาตาร์ อังกฤษ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็ง กลับหยุดเส้นทางไว้เพียงแค่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น หลังพ่ายต่อ ฝรั่งเศส ไป 1-2 ทำให้มีข่าวลือออกมาทันทีว่า เซาธ์เกต น่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่อย่างไรก็ตาม ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน เอฟเอ ก็ได้ประกาศว่า กุนซือวัย 53 ปี จะได้อยู่คุมทีมชาติอังกฤษต่อไป เพื่อเตรียมทีมสู้ศึกยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี
แต่กระนั้นสัญญาของ เซาธ์เกต กำลังจะหมดลงในช่วงสิ้นปีนี้ และ เอฟเอ ก็ยังไม่ได้มีการยื่นสัญญาคุมทีมฉบับใหม่ให้พิจารณาแต่อย่างใด โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าหาก อังกฤษ ไปไม่ถึงดวงดาวในศึกยูโรครั้งนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ เซาธ์เกต จะต้องลงจากตำแหน่งเสียที
ล่าสุด ประธานบริหารของเอฟเอ ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้กับทาง บีบีซี สื่อดังของอังกฤษว่า น่าจะมีการหารือร่วมกันหลังจากที่เสร็จสิ้นศึกยูโร 2024 เรียบร้อยแล้ว โดยกล่าวว่า “แกเร็ธ (เซาธ์เกต) แสดงความต้องการไว้อย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะเจรจาเรื่องนี้หลังจากที่ทัวร์นาเมนท์จบลง"
"ตอนนี้เรายังไม่ต้องการทำให้เกิดการรบกวนสมาธิใดๆ กับเขาและนักเตะในทีม ซึ่งผมให้ความเคารพในเรื่องนั้น ผมให้ความใส่ใจกับแกเร็ธ เป็นพิเศษ และคิดว่าเขาทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาก เขาเป็นคนที่เข้ามายกระดับให้กับทีมชาติอังกฤษ ไม่เพียงแค่ในเรื่องนอกสนาม แต่คุณจะสามารถมองเห็นได้เลยว่าวัฒนธรรมในทีมชาติในยุคของเขามีความแตกต่างออกไปอย่างไร รวมถึงผลงานในสนาม"
"นับตั้งแต่ปี 1966 เขาคือคนแรกที่สามารถพาทีมชนะในรอบน็อกเอาท์ได้แบบครึ่งต่อครึ่ง ดังนั้น เอฟเอ มองว่า แกเร็ธ มีคุณค่ากับทีมเป็นอย่างมาก"
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า แมนฯ ยูไนเต็ด แอบมอง เซาธ์เกต เอาไว้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในตำแหน่งกุนซือของทีม หากว่าสุดท้ายเลือกที่จะไม่ไปต่อกับ เอริค เทน ฮาก กุนซือคนปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทีมปีศาจแดงได้ออกมายืนยันแล้วว่า เทน ฮาก จะยังได้อยู่คุมทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า และกำลังพิจารณาเรื่องการต่อสัญญาใหม่ออกไปด้วย
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial