คล้าร์ก ไม่ได้เป็นแค่นักขับชาวบริต แต่เป็นหนึ่งในนักขับที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ของวงการ ฟอร์มูล่า วัน เป็นแชมป์โลกสองสมัย และเป็นแชมป์ 77 สนามในฤดูกาลที่มีเพียง 10 เรซ เมื่อปี 1963 หนึ่งในนั้นอยู่ที่ ซิลเวอร์สโตน และอีกครั้งในปี 1965 ที่ได้ทั้งแชมป์โลกและแชมป์ที่อังกฤษ
ปี 1967 คล้าร์ก ยังคว้าแชมป์ในบ้านเกิดได้ ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 แต่ไม่นานต่อจากนั้น หลังจากคว้าแชมป์สนามแรกของซีซั่น 1968 ช่องว่างระหว่างการแข่งขันที่ยาวนาน 4 เดือน ทำให้ คล้าร์ก เลือกไปขับรถ F2 ที่ฮ็อคเค่นไฮม์ริง และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ คอหักและศีรษะกะโหลกร้าว ด้วยวัยเพียง 32 ปี
บริติช กรังด์ปรีซ์ 1969 1971
เซอร์ สจ๊วร์ต เป็นอีกหนึ่งนักขับที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยตำแหน่งแชมป์โลก 3 สมัย และเป็นไอค่อนของวงการในปลายทศวรรษ 60 ถึงต้นทศวรรษ 70 และเคยคว้าแชมป์ที่ ซิลเวอร์สโตน 2 ครั้ง โดยในปี 1971 ที่อยู่กับทีมทายเรลล์ เป็นแชมป์ 6 จาก 11 สนาม และในสนามที่คว้าแชมป์ จะน็อครอบอันดับ 2 ทุกครั้ง
ปี 1973 ขณะที่ฤดูกาลกำลังจะเริ่ม สจ๊วร์ต ประกาศว่าจะอำลาอาชีพนักขับ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงอันตรายในสนามด้วยความเร็วสูงเสมอ และคิดถึงครอบครัว ภรรยา ลูกสองคน และทิ้งท้ายอาชีพด้วยการคว้าแชมป์โลก นอกจากนี้ เขายังเป็นหนึ่งในนักขับที่ไม่เคยปล่อยวางเรื่องความปลอดภัย เรียกร้องให้วงการมอเตอร์สปอร์ตดูแลด้านความปลอดภัยสูงสุดเพื่อนักขับอยู่เสมอ
บริติช กรังด์ปรีซ์ 1987 1991 1992
แมนเซลล์ นับเป็นหนึ่งในนักขับผู้ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคสมัย ท่ามกลางความสนใจของสื่อและแฟนๆ ที่จับจ้องความเป็นอริระหว่าง อายร์ตัน เซนน่า และ อแล็ง พรอสต์ โดยใน 5 ปีแรกของอาชีพ แมนเซลล์ ไม่มีผลงานโดดเด่นมากนัก จนกระทั่งเข้าสู่ทีม วิลเลี่ยมส์ ในปี 1985 และคว้าแชมป์แรกในอาชีพ
ที่ ซิลเวอร์สโตน แชมป์ต่อหน้าแฟนๆ ในบ้านเกิดมาถึงเมื่อปี 1987 ส่วนในปี 1992 ฤดูกาลนั้นเขาเริ่มต้นอย่างยอดเยี่ยม คว้าแชมป์ 5 สนามแรก ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้ (มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ทาบสถิติในปี 2004) ก่อนจะอำลาอาชีพไปในปี 1995
บริติช กรังด์ปรีซ์ 1999 2000
คูลธาร์ด มากับความกดดันในปี 1994 เพราะเข้ามานั่งเก้าอี้นักขับของ อายร์ตัน เซนน่า ที่จากไปอย่างกะทันหัน ความพยายามหลายปีที่จะคว้าแชมป์ในบ้านเกิดมาสำเร็จในปี 1999 และทำสถิติคว้าแชมป์อย่างน้อย 1 สนามทุกปีตลอดปี 1997-2003 แต่ก็ไม่สามารถมีตำแหน่งแชมป์โลกติดมือ เพราะในตอนปลายอาชีพโดน มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ที่มาทีหลังแต่แรงกว่า
บริติช กรังด์ปรีซ์ 2008 2014 2015 2015 2017 2019 2020 2021
ยุคสมัยเปลี่ยนไปกับการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น แต่ แฮมิลตัน นับเป็นหนึ่งในนักขับที่มีฝีมือพัฒนาต่อเนื่องและคงเส้นคงวา กับรถที่ยอดเยี่ยม ทุกอย่างลงตัวไปหมดกับการคว้าแชมป์ในบ้านเกิดครั้งแรกเมื่อปี 2008 และเป็นแชมป์โลกครั้งแรกกับ แม็คลาเรน ในปีนั้น ที่ผ่านมาทั้ง แมนเซลล์ และ คูลธาร์ด สามารถคว้าแชมป์ บริติช กรัรงด์ปรีซ์ 2 สมัยติดต่อกัน แต่ แฮมิลตันเป็นคนแรกที่คว้าแชมป์ 3 สมัยซ้อน
ไม่เพียงเท่านั้น แฮมิลตัน ยังเป็นเจ้าของสถิติแชมป์ชาวอังกฤษใน บริติช กรังด์ปรีซ์ มากสมัยที่สุด 8 สมัย และยังมีโอกาสกับสมัยที่ 9 หลังจาก เมอร์ซิเดส เพิ่งอัพเกรดรถจนคว้าอันดับ 4 จาก ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ หรือหากในปีนี้ยังไม่ได้สมัยที่ 9 ปีถัดไปก็ยังมีโอกาสกับ เฟอร์รารี่
ฟอร์มูล่า วัน บริติช กรังด์ปรีซ์ ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต วันที่ 5-7 ก.ค. นี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง บีอินสปอร์ตส์1 (607)