“บริติช กรังด์ปรีซ์” เริ่มต้นตื่นเต้น เป็นไปอย่างโกลาหลและสุดงง จบด้วยน้ำตาท่วมจอ เป็นการแข่งขันอันหลากหลายอารมณ์ที่ยากจะอธิบายในชัยชนะของ “แฮมิลตัน” และความพ่ายแพ้ของ “แม็คลาเรน”
บริติช กรังด์ปรีซ์ จบลงแบบสุดสนุก เป็นการแข่งขันอีกสนามที่ยากจะลืมในซีซั่นนี้ นับตั้งแต่รอบซ้อมและรอบคัดเลือก ท่ามกลางสภาพอากาศอันหลากหลาย และความเร็วที่ใกล้เคียงกันของรถ 4 ค่ายหัวแถว ปิดท้ายด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติของแฟนชาวอังกฤษ โดยเฉพาะเหล่าสาวก เมอร์ซิเดส และ ลูอิส แฮมิลตัน ที่รอคอยวันนี้มายาวนานสำหรับคนที่เคยคว้าแชมป์โลก 7 สมัย
WINNERS and LOSERS
WINNERS
ลูอิส แฮมิลตัน
นี่คือการรอคอยอันยาวนานสำหรับแชมป์โลก 7 สมัย 945 วันหลังจากคว้าแชมป์เรซล่าสุดเมื่อเดือนธ.ค. 2021 หรือผ่านมาแล้ว 56 สนามที่ไม่มีแชมป์ แม้มีโพเดียมอยู่บ้าง แต่อันดับ 2 3 ย่อมไม่ดีเท่าอันดับ 1 นี่คือแชมป์ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สมัยที่ 9 และโพเดียมที่ 12 ติดต่อกันในบ้านเกิด กลายเป็นแชมป์ ฟอร์มูล่า วัน คนที่ 6 ในฤดูกาล 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกทีม ทุกคัน ต่อสู้กันอย่างสูสีขนาดไหน และท่านเซอร์กลับมาแล้ว
นี่คือชัยชนะที่ 104 ในอาชีพนักขับจากการออกสตาร์ท 344 เรซ และเป็นโพเดียมครั้งที่ 150 ตอบทุกคำถามว่า แฮมิลตัน อยู่ในช่วงขาลง และจะไม่มีวันกลับมายอดเยี่ยมอีกแล้ว ใช่หรือไม่… นอกจาก เมอร์ซิเดส ที่ปลื้มสุดๆ เฟอร์รารี่ ที่รอรับท่านเซอร์ในซีซั่นหน้าก็อาจจะซ่อนยิ้มไว้ในใจได้
อเล็กซ์ อัลบอน
จะไม่เอ่ยถึงนักขับไทยก็ดูจะแปลกไปเล็กน้อย แม้ที่ บริติช กรังด์ปรีซ์ เป็นเพียงสนามที่ 2 ในฤดูกาลนี้ที่เก็บแต้มได้ ถัดจากที่ โมนาโก ซึ่งจบลงด้วยอันดับ 9 เช่นกัน ซึ่งในความจริง วิลเลี่ยมส์ ทำได้ดีในสนามนี้ จากการที่ โลแกน ซาร์เจนท์ อยู่ในกริดที่ 12 มีโอกาสจะเก็บแต้มแรกของซีซั่น แต่อย่างที่เห็นว่าฝนตก และหยุดมาก็มีแดดทันที ทำให้การแข่งขันออกจะโกลาหลไปหน่อย
อเล็กซ์ อยู่ในอันดับ 17 ของตารางสะสมคะแนนประเภทนักขับ ส่วน ซาร์เจนท์ เป็น 1 ใน 3 ที่ยังไม่มีแต้มร่วมกับ โจว กวนยู และ วัลต์เตรี่ บ็อตตาส และประเภททีม วิลเลี่ยมส์ เป็นรองบ๊วย มีแค่ คิก เซาเบอร์ เท่านั้นที่ยังตีไข่ไม่แตก
LOSERS
ลันโด นอร์ริส และ แม็คลาเรน
หลังจากจบการแข่งขัน การวิเคราะห์ก็เริ่มต้น สัปดาห์นี้จุดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง อยู่ที่เปิดภาพย้อนหลังของ การุณ นักวิเคราะห์ที่เคยขับรถสูตรหนึ่งมาก่อน เขานำเสนอว่าตลอดการไล่กวดและแซงหน้ากันไปมาที่ ซิลเวอร์สโตน สามารถมีผู้ชนะได้ถึง 5 คัน และหนึ่งในนั้นคือ ลันโด นอร์ริส นักขับ แม็คลาเรน ที่มาแรงที่สุดในซีซั่นนี้ แต่ทีมงานกลับทำผิดพลาดอย่างมาก จนนักขับถึงกับเอ่ยปากว่า เบื่อที่จะพูดว่าเป็นความผิดของตัวเอง
ฝนเทลงมา ไม่เหนือคาดหมาย แต่ดูเหมือน แม็คลาเรน คิดไม่ทันว่าควรทำเช่นไร เมื่อ นอร์ริส และ ปิอัสตรี เป็นอันดับ 1-2 ขณะที่น้ำจากฟ้าโปรยเม็ดลงมา และตัดสินใจให้ นอร์ริส เข้าพิตก่อน ปล่อย ปิอัสตรี วิ่งต่อไปอีกรอบ แตกต่างจาก เมอร์ซิเดส ที่ยอมให้ รัสเซลล์ และ แฮมิลตัน เข้าพิตต่อกัน และนี่อาจเป็นเวลา 3-4 วินาทีที่ทำให้ แฮมิลตัน แซงหน้า นอร์ริส ไปก่อนระหว่างที่อีกฝ่ายอยู่ในพิตในรอบที่ 40 แถม ปิอัสตรี ยังไม่ได้ขึ้นโพเดียม
ในรอบที่ 40 ซึ่งเป็นการเข้าพิตครั้งสุดท้าย ทีมงานยังตัดสินใจช้ากว่าทั้ง เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ที่เรียก เวอร์สเตปเปน เข้าไปเป็นคันแรถในกลุ่มผู้นำ จากนั้น เวอร์ซิเดส จึงเรียก แฮมิลตัน เข้า ปล่อยให้ นอร์ริส อยู่กับยางอินเตอร์มีเดียทที่ช้ากว่า 1-2 รอบ และน่าจะเสียไปอย่างน้อย 3 วินาที เมื่อวนเข้าพิตก็เสียสมาธิ จอดเลยจุดไปเล็กน้อย ทีมงานต้องขยับอุปกรณ์ตามรถ จากปกติ 2.2 วินาทีในพิต กลายเป็น 4.5 วินาที ในการแข่งขันที่ทุกวินาทีมีความหมาย
และสิ่งที่ใครๆ ก็ประหลาดใจสุดๆ คือการใช้ยางฮาร์ดคอมพาว์ของ เวอร์สเตปเปน ที่แซงหน้า ซอฟต์คอมพาวด์ของ นอร์ริส ในรอบที่ 48 ซึ่งไม่น่าจะมาจากลมดูดหรือ Slipstream เพียงอย่างเดียว แต่ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ทำการซิมูเลชั่นอย่างหนักตลอดรอบซ้อมเพื่อดูว่ายางแต่ละแบบจะส่งผลอย่างไรในสภาวะไหน การเรียกเข้าพิตอย่างรวดเร็วก็เพื่อให้ยางได้ทำอุณหภูมิที่เหมาะสม ทุกอย่างผ่านการทำงานหนักและคำนวณมาอย่างดี จนเป็นที่มาของอันดับ 2 แซงหน้า แม็คลาเรน
อันเดรีย สเตลล่า หัวหน้าทีมยอมรับผิด แต่ไม่ยอมรับว่าตัดสินใจผิด เขาบอกไว้ว่า ต่อให้กลับมาแข่งกันอีกรอบก็จะเรียก ลันโด เข้าพิตด้วยจังหวะเดิม วิธีการเดิม เพราะคิดมาอย่างดีแล้วจากข้อมูลที่มี และเคยชินกับ What ifหรือที่ไทยแลนด์มักจะพูดกันบ่อยๆ ว่า รู้อะไรไม่สู้รู้งี้… เขายอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่ควรรับผิดชอบทุกอย่าง ในฐานะผู้นำ แต่ก็เข้าใจว่าประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์ เมื่อต้องวัดกับ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ของ เร้ดบูลล์ หรือ โตโต้ วูล์ฟฟ์ จาก เมอร์ซเดส แล้ว แม็คลาเรน ก็ยังตามหลังอยู่
DRIVER OF THE DAY
ลูอิส แฮมิลตัน
ผ่านมา 11 สนาม เป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่นักขับยอดเยี่ยมไม่ได้มาจาก เฟอร์รารี่ และ แม็คลาเรน แต่สลับไปที่ เมอร์ซิเดส บ้างในสนามที่ 12 และจะเป็นใครไม่ได้นอกจากแชมป์ ลูอิส แฮมิลตัน ที่ใช้ทุกอย่างได้ครบถ้วนทั้งความเร็ว ทักษะ ประสบการณ์ และมีจังหวะปะเหมาะสนับสนุนอีกเล็กน้อยท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวนและความผิดพลาดของผู้อื่น!
แฮมิลตัน ได้รับเสียงโหวตท่วมท้น 36.1 เปอร์เซ็นต์ นำหน้า ลันโด นอร์ริส ที่ได้ไป 15.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วน แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน ที่ขับยางฮาร์ดคอมพาวด์เร็วเกินคาดมาในอันดับ 3 ที่ 13.4 เปอร์เซ็นต์
FASTEST LAP
คาร์ลอส ไซนซ์
เฟอร์รารี่ ทำผลงานในสนามนี้ได้น่าผิดหวังเล็กน้อย เมื่อ ชาร์ลส์ เลอแกลร์ ไม่สามารถเก็บแต้มได้ แต่ก็ยังมี คาร์ลอส ไซนซ์ ที่จบด้วยอันดับ 5 และไหนๆ ก็ได้ฟรีพิตสต็อปในรอบรองสุดท้าย เพราะคันข้างหลังอย่าง นิโก้ ฮูลเคนเบิร์ก อยู่ห่างไปมาก จะเป็นไรถ้าลองของกับยางที่ยังเหลือเพื่อ 1 คะแนน เพราะทุกแต้มมีค่าในการรักษาผลงานทีมอันดับ 2 ที่นำหน้า แม็คลาเรน และเขาก็ทำได้พอดี
RADIO OF THE WEEK
“Get in there, Lewis, You the man!”
“สวยงามไปเลย ลูอิส นายคือตัวจริง!”
นี่คือคำกล่าวหลังจาก แฮมิลตัน พารถผ่านเส้นชัย และโบกมือให้แฟนๆ รอบสนาม ด้วยความซาบซึ้งและหลั่งน้ำตา นอกจากตัวนักขับคงไม่มีใครที่ใกล้ชิดไปกว่าวิศวกรส่วนตัวอย่าง “โบโน่” ปีเตอร์ บอนนิงตัน ที่บอกกับ เท็ด คราวิตซ์ หลังจบเรซว่า “คงจะไม่บอกว่าร้องไห้ แต่ก็มีบางอย่างในดวงตาของผม มันซาบซึ้งมาก เพราะทำงานร่วมกันอย่างหนักเพื่อกลับมายืนที่จุดนี้” และเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่ “โบโน่” ขึ้นเวทีไปร่วมรับรางวัลในฐานะตัวแทนทีมเมอร์ซิเดส
สนามถัดไป ฟอร์มูล่า วัน ฮังกาเรี่ยน กรังด์ปรีซ์ วันที่ 19-21 ก.ค. นี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง บีอินสปอร์ตส์1 (607)
getty
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial