“ฮังกาเรี่ยน กรังด์ปรีซ์” จบลงพร้อมกับคำถามมากมายพุ่งไปที่ “แม็คลาเรน” ว่าแชมป์แรกของ “ปิอัสตรี” สมภาคภูมิแล้วหรือไม่ เพราะดูเหมือน “นอร์ริส” จะชนะใจผู้ชมในครั้งนี้
สภาพอากาศแจ่มใสในรอบสุดท้ายที่ ฮังกาเรี่ยน กรังด์ปรีซ์ ทำให้คาดว่าการแข่งขันอาจราบเรียบ แต่ในที่สุดมันจบลงท่ามกลางคำถามมากมายจากผู้ชนะอันดับ 1-2 อย่างทีมแม็คลาเรน แม้มีเพียงการคาดเดาที่ไม่รู้ว่าอะไรจริงกับแชมป์แรกของ ออสการ์ ปิอัสตรี แต่การต่อสู้ย่อมมีผู้แพ้ ผู้ชนะ และมีการแข่งขันคู่ขนาน เมื่อทีมสีมะละกอต่อสู้กันเอง ด้านหลังก็มีคู่ชกอย่างแชมป์โลกที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน กลายเป็นของแถมสำหรับผู้ชม
WINNERs and LOSERs
WINNERs
ลันโด นอร์ริส
เกือบจะไม่หล่อแล้ว แต่เมื่อยอมเปลี่ยนใจใน 3 รอบสุดท้ายของ ฮังกาเรี่ยน กรังด์ปรีซ์ ลันโด นอร์ริส ก็กลายเป็นสุภาพบุรุษที่ชนะใจคนดู แม้ไม่มีใครรู้ว่า การตกลงภายในคืออะไร ทำไมต้องยอมให้ ออสการ์ ปิอัสตรี แซง ทั้งที่ทั้งสองต่างก็ทำทุกอย่างตามคำสั่ง ตามกลยุทธ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันผิดพลาดตรงไหน แต่ในท้ายที่สุดเมื่อวัดความเร็วต่อรอบ นอร์ริส ทำเวลาได้ดีกว่า ทำไมจึงต้องสละตำแหน่งให้เพื่อนร่วมทีม ยิ่งยกเหตุผลประกอบถึงการลุ้นแชมป์โลก ก็มองไม่เห็นเลยว่านักขับจากอังกฤษเป็นรองที่จุดไหน แต่ที่สุดแล้วมันก็จบลงที่คำสั่งของทีม
ว่ากันตามตรง ปิอัสตรี ก็เป็นผู้ชนะที่ไม่สามารถฉลองสุดเหวี่ยงได้ เพราะเขารู้ว่า หากวัดกันด้วยความเร็วเฉลี่ย เขายังเป็นรองรุ่นพี่ในทีมเดียวกันเล็กน้อย เลยแก้เขินด้วยการไม่เทแชมเปญใส่รองเท้า Shoey Style พร้อมกับบอกว่านั่นเป็นเอกลักษณ์ของ แดเนี่ยล ริคคาร์โด้
LOSERs
แม็คลาเรน
ความลับหลังม่านระหว่างนักขับทั้งสองจะเป็นความลับต่อไป แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ส่งผลดีต่อทีม แม็คลาเรน เป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่การตัดสินว่าใครจะเป็นแชมป์ในสนามนี้ อ้างอิงข้อมูลจากอะไร หรือที่มาที่ไปเช่นไร เป็นเรื่องที่ยากจะตัดสิน ว่ากันตามตรง หากดูเวลาในรอบซ้อม นอร์ริส ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย และที่ผ่านมาก็ทำผลงานได้ดี การชิงจังหวะช่วงออกตัวจึงอาจเป็นการตัดสินใจที่ตื้นเขินเกินไป
ทีมออร์เดอร์ทำลายนักขับและอาจทำลายความสัมพันธ์ภายในที่ควรดีต่อกัน ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ และ รูเบน บอร์ริเคลโล่ หรือกระทั่งสิ่งที่เป็นอยู่กับ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ที่เพิ่งเห็นกันไปในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะแปะป้ายหมายเลข 1 และ 2 แต่ทุกอย่างน่าจะต้องถูกที่ถูกเวลา
แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน
แชมป์โลกสามสมัยเริ่มต้นสนามนี้ภายใต้ความกดดันด้วยปัจจัยหลายอย่าง รถของ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ไม่ได้เหมาะกับการขับที่นี่ สภาพอากาศร้อน การออกแบบสนามที่มีอุปสรรคมากมาย และหากจับตาอยู่ตลอดน่าจะพอเห็นว่ารถไม่ค่อยเสถียร ช่วงที่ไล่ตาม ลูอิส แฮมิลตัน ท้ายรถส่าย ไม่ค่อยเกาะถนน ส่วนหนึ่งเพราะสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมาก เมื่อถึงจังหวะที่ต้องแซง หรือเฉียดใกล้ เวอร์สเตปเปน พลาดโอกาสไปทั้งสองครั้ง จนเกิดการถกเถียงกับ จานปิเอโร แลมเบียเซ่ วิศวกรส่วนตัว และในที่สุดก็พลาดตำแหน่งสุดท้ายบนโพเดียม
DRIVER OF THE DAY
ออสการ์ ปิอัสตรี
ต้องยอมรับว่าการออกตัวอย่างยอดเยี่ยม และทำตามแผนของทีมได้อย่างแนบเนียนส่งให้ ปิอัสตรี คว้าตำแหน่งนกขับยอดเยี่ยมประจำวันไปครองด้วยคะแนนโหวต 34.9 เปอร์เซ็นต์นำหน้า ลูอิส แฮมิลตัน ที่ตามหลังมาอย่างห่างไกล 13.9 และ ลันโด นอร์ริส 13.8 เปอร์เซ็นต์ การยืนอยู่ตรงนี้ไม่สร้างความประหลาดใจ นับตั้งแต่ข้ามค่ายจากอัลพีนมาที่แม็คลาเรน เพราะมีความสามารถและฝีมือ จึงไม่มีอะไรไม่เหมาะสม
FASTEST LAP
จอร์จ รัสเซลล์
การได้ 1 คะแนนจากการทำ Fastest Lap น่าจะเป็นรางวัลปลอบใจอันดีสำหรับ จอร์จ รัสเซลล์ ที่ผิดหวังกับรอบคัดเลือกในอันดับ 17 แต่การทำความเร็วจนสามารถจบด้วยอันดับ 8 และได้คะแนนเพิ่มอีกเล็กน้อยก็แสดงให้เห็นว่า แม้สนามนี้อาจไม่ใช่ของเขา แต่ยังมีสนามต่อไปให้ต่อสู้ เพราะเพิ่งผ่านครึ่งฤดูกาลมาไม่มาก หนทางนี้ยังอีกยาวไกล
RADIO OF THE WEEK
I’m not gonna get into a radio fight with the other teams Max.
We’ll let the stewards do their thing.
It’s childish on the radio, childish
ระหว่างที่สองคันข้างหน้าถกเถียงกันว่าจะคืนตำแหน่งหรือไม่ คู่รองที่ต่อสู้กันเพื่อโพเดียม ก็กำลังไล่บี้กันสุดพลัง แฮมิลตัน นำหน้า เวอร์สเตปเปน เล็กน้อย รถของ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ดีกว่าในทางตรงดังนั้นเวลาที่ตามหลังประมาณ 1.6 วินาทีจึงหดเข้ามาเหลือ 0.9 วินาทีภายในไม่เกิน 2 รอบ เข้าสู่รอบที่ 63 เวอร์สเตปเปน กำลังจะได้เปรียบ แต่เบรกลึกเกินไป แฮมิลตันที่กำลังหักเลี้ยวสะกิดล้อหลังทางซ้ายจนรถหมายเลข 1 กระดก และเสียตำแหน่งร่วงลงไปอันดับ 5 อีกครั้ง จากอันดับ 4 โดน ชาร์ลส์ เลอแกลร์ แซงหน้าและจบด้วยอันดับ 5
หลังจากโดนสะกิดล้อหลัง เวอร์สเตปเปน บ่น ใช้คำพูดไม่เหมาะสมนัก และพยายามบอกกับ “จีพี” วิศวกรส่วนตัวว่า แฮมิลตัน มาหักรถตอนเบรกเข้าโค้ง ควรเป็นฝ่ายผิดกับเหตุการณ์นี้ แม้ควันที่ออกมาเบรกเป็นควันของรถตัวเองก็ตาม จน “จีพี” ต้องตอบไปว่า “ผมจะไม่เถียงกับทีมอื่นผ่านวิทยุหรอกนะ แม็กซ์ เราจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ (ฝ่ายอำนวยการแข่งขันของ เอฟไอเอ) ทำงานของเขา มันงอแงเหมือนเด็กน้อยอ่อนต่อโลก”
มันนั้นคืออะไร เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย หากดูบริบทในช่วงการแข่งขันอาจคิดไดว่า “จีพี” กำลังต่อว่านักขับ แต่เมื่อมองกว้างขึ้นมาอีกหน่อย เขาอาจหมายถึงการไปโต้เถียงอย่างเข้าข้างตัวเอง หรือทำพฤติกรรมใดๆ ก็ตามจากเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่า เราล้วนขาดวุฒิภาวะ ซึ่ง “เรา” ไม่ใช่แค่ เวอร์สเตปเปน แต่เป็นทีมงานและ “จีพี” เองก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงไม่ผิดที่ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ หัวหน้าทีมชี้ว่า วิศวกรคนเก่งของเขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่นักขับ แต่มันจะหมายถึงอะไรเป็นสิ่งที่ทั้งสองต้องไปตกลงกันเอง ด้วยความไว้วางใจที่มีให้กัน เพราะจนถึงตอนนี้ พวกเขาร่วมงานกันมา 8 ปีแล้ว
หลังจากจบเรซ เวอร์สเตปเปน ไม่ขอโทษต่อการกระทำของตัวเอง ส่วนหนึ่งเพราะความกดดันที่มีมาตลอดตั้งแต่รอบคัดลือก และเพราะความรู้สึกที่สะสมภายในจาก ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ ซึ่งตอนนั้นคู่กรณีคือ นอร์ริส แม้ในตอนท้ายจะคืนดีกัน แต่ลึกๆ ข้างใน เขารับความกดดันเสมอกับสถานะแชมป์โลกที่ผู้อื่นล้วนมองว่า ก็ชนะมาตั้งมากมายแล้ว จะอยากได้อะไรอีก
getty
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial