“เปเรซ” ซิวแชมป์ “โมนาโก กรังด์ปรีซ์” ท่ามกลางสายฝน “เลอแกลร์” ยังไม่ทำลายอาถรรพ์ ชวดขึ้นโพเดียมที่สนามหลังบ้าน
โมนาโก กรังด์ปรีซ์ สนามที่ขึ้นชื่อที่สุดใน ฟอร์มูล่า วัน จบลงแล้วเมื่อ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา แชมป์รายการนี้เป็นของ เซอร์จิโอ เปเรซ จาก เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ที่ออกสตาร์ทในตำแหน่งอันดับ 3 ของโพลตามหลัง 2 นักขับ เฟอร์รารี่ ชาร์ลส์ เลอแกลร์ และ คาร์ลอส ไซนซ์
การแข่งขันควรเริ่มต้นเวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (20.00 น. ประเทศไทย) แต่เนื่องจากมีฝนตกลงมาทำให้ต้องเลื่อนไปเริ่มรอบอุ่นเครื่องใน 15 นาทีต่อมาโดยมีเซฟตี้คาร์นำหน้า และเมื่อสภาพอากาศเลวร้ายลงจึงเลื่อนเวลาออกไปอีกรวมแล้วกว่าชั่วโมง เพื่อการปรับแท็คติกสำหรับทุกทีมและเลือกใช้ยางที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและความเปียกลื่นของสนาม จากนั้นเมื่อรอบแรกเริ่ม รถของ นิโคลัส ลาตีฟี จากทีมวิลเลี่ยมส์ ก็งัดขอบกั้นถนน
เมื่อฝนซาลง แอสตัน มาร์ติน เป็นทีมแรกที่เรียก เซบาสเตียน เว็ทเทล เข้าพิตและใช้ยางอินเตอร์มีเดียท โดยในกลุ่มนำขบวน เปเรซ เป็นคันแรกที่เข้าพิต ขณะที่ เฟอร์รารี่ เรียก ไซนซ์ เข้ามาแต่นักขับเข้าไม่ทันรอรอบถัีดไปซึ่งทำให้ เลอแกลร์ ที่โดนเรียกต้องมาต่อท้ายเสียเวลาไปเกิน 1 วินาทีและเสีตำแหน่ง ตกเป็นอันดับ 4
เร้ดบูลล์ ก็มีการเรียกรถทั้งสองคันเข้าพิตในเวลาไล่เลี่ยกัน แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน เข้ามาทีหลัง เปเรซ ทำให้นักขับหัวเสีย และเมื่อออกจากพิต รถสองค่ายจึงสลับอันดับ เปเรซ นำ ตามด้วย ไซน์ซ์, เวอร์สเตปเปน และ เลอแกลร์
เมื่อถึงรอบที่ 27 มิค ชูมัคเกอร์ ทีมฮาส หลุดโค้งสวิมมิ่งพูล ชิ้นส่วนกระจายและรถอัดที่กั้นอย่างแรงหักเป็นสองท่อน ในที่สุดฝ่ายจัดจำเป็นต้องยกธงแดงและหยุดการแข่งขันชั่วคราวเพื่อเคลียร์พื้นที่และซ่อมแซมแบร์ริเออร์ แต่เนื่องจากการแข่งขันควบจบใน 3 ชั่วโมง ทำให้ไม่สามารถวิ่งครบ 77 รอบตามกำหนดการต้องปรับเวลานับถอยหลัง เท่ากับว่าระยะทางหดลงเหลือ 65 รอบ
เนื่องจากหน้าถนนที่โมนาโกค่อนข้างแคบ ท็อป 4 ที่เรียงลำดับกันจึงแซงได้อย่างยากลำบาก ทำให้จบด้วยชัยชนะของ เปเรซ ส่วน เลอแกลร์ เจ้าของโพลมีคะแนนปต่ไม่สามารถขึ้นโพเดียมได้ แม้เวลาต่อมา เฟอร์รารี่ ยื่นประท้วงต่อสหพันธ์ยานยนตร์นานาชาติให้ปรับทีม เร้ดบูลล์ ที่ฝ่าฝืนกฎเรื่องการออกจากพิต แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าล้อหน้าและหลังไม่มีส่วนใดล้ำเส้นสีเหลืองการประท้วงจึงตกไป โดยอันดับไม่เปลี่ยนแปลง
จอร์จ รัสเซลล์ จากทีม เมอร์ซิเดส ยังไม่หลุดท็อป 5 ตามด้วย ลันโด นอร์ริส ทีมแม็คลาเรนที่ได้อีก 1 คะแนนจากการทำรอบเร็วที่สุด ส่วนอดีตแชมป์โลก 7 สมัย ลูอิส แฮมิลตัน จบในอันดับ 8 ส่วน อเล็กซ์ อัลบอน นักขับหนึ่งเดียวจากไทยทีม วิลเลี่ยมส์ ออกสตาร์ทที่อันดับ 16 ไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 13 แต่ต้องออกจากการแข่งขัน
ภาพถ่ายทอดสด TRUEVISIONS
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial