ทำความรู้จัก "Halo" อุปกรณ์ F1 ที่ช่วยให้ โจว กวน ยู รอดตาย!

อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่โค้งแรกของการออกสตาร์ท โดยรถของ โจว กวน ยู นักขับชาวจีน สังกัดทีมอัลฟา โรเมโอ ชนกับ รถของ จอร์จ รัสเซลล์ สังกัดทีมเมอร์เซเดส จนพลิกคว่ำไถลไปกับพื้นและลอยข้ามกำแพงยางไปกระแทกกับรั้วของอัฒจันทร์สนาม

ถ้าใครที่ติดตามการถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์ จะรับรู้ได้ทันทีเลยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นร้ายแรงมากๆ ถึงขนาดที่ทีมงานถ่ายทอดสดในสนามไม่ตัดภาพรีเพลย์เหตุการณ์ดังกล่าวมาให้แฟนทางบ้านได้รับชมเลย

ก่อนที่ทุกอย่างจะคลี่คลาย และได้รับการยืนยันว่า โจว กวน ยู ไม่ได้รับอันตรายและปลอดภัยดี แฟนๆทางบ้านจึงได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งในหลายๆมุม

ชมคลิปเหตุการณ์คลิกที่นี่ : https://www.youtube.com/watch?v=0_dPi8Oaz1s

รถของ โจว กวน ยู พลิกคว่ำ

หลังเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ธงแดงทำงานทันที เพื่อยุติการแข่งขันชั่วคราว จากนั้นจึงเร่งนำตัว โจว กวน ยู ส่งโรงพยาบาลและเคลียร์ความเรียบร้อยของสนาม กินเวลานานร่วมๆ 53 นาที กว่าที่จะสามารถกลับมาแข่งขันต่อได้

หนึ่งคนที่ได้รับการยกย่องจากเหตุการณ์นี้คือในรายของ จอร์จ รัสเซลล์ นักขับสังกัดทีมเมอร์เซเดส ที่รถของเขาเป็นคันที่ไปชนกับรถของ โจว กวน ยู และรับรู้ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถึงขนาดที่รีบหยุดรถของตัวเอง แล้วรีบวิ่งไปดูเพื่อนร่วมอาชีพด้วยความเป็นห่วง

แฟนๆฟอร์มูล่าวัน ยกย่องในการกระทำของ จอร์จ รัสเซลล์ ที่ยอมทิ้งโอกาสแข่งขันต่อของตัวเอง เพราะความเป็นห่วงเพื่อนร่วมอาชีพ ทั้งๆที่เขาสามารถจะอยู่บนรถและประคองขับเข้าพิทได้ เพื่อทำการซ่อมแซมก่อนจะกลับมาแข่งขันต่อ

จอร์จ รัสเซลล์ ลงมาดูเพื่อนร่วมอาชีพ

ให้หลังต่อมาผู้ประสบเหตุอย่าง โจว กวน ยู ได้ออกมาโพสต์ภาพและข้อความลงบนทวิตเตอร์ เพื่ออัปเดตอาการของตัวเองให้กับแฟนๆฟอร์มูล่าวันได้รับทราบ มีใจความว่า

"ผมไม่เป็นอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยดี ฮาโล ได้ช่วยชีวิตผมไว้ ขอบคุณสำหรับทุกข้อความที่ส่งกำลังใจมาให้ผม"

โจว กวน ยู อัปเดตอาการตัวเองด้วยมบหน้าที่ไร้รอยฟกช้ำ

จากข้อความนี้เชื่อว่าแฟนตัวยงของการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน คงจะรู้จักกับ ฮาโล เป็นอย่างดี ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักขับ แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ทราบว่าไอ้เจ้า "ฮาโล" ที่ว่านี้คืออะไร ทีมข่าวทรูวิชั่นส์ จะพาแฟนๆไปทำความรู้จักที่มาที่ไปของอุปกรณ์ชนิดนี้กันมากขึ้น

ฮาโล คืออุปกรณ์เซฟความปลอดภัยให้กับนักขับ ถูกคิดค้นขึ้นมาครั้งแรกในปี 2015 จากแนวคิดของทีมเมอร์ซิเดส-เอเอ็มจี ต้นสังกัดปัจจุบันของ ลูอิส แฮมิลตัน เจ้าของแชมป์โลก 7 สมัย ขณะเดียวกันทีมอื่นๆก็ได้มีการนำเสนออุปกรณ์อื่นๆด้วยเช่นกัน

ในช่วงต้นความคิด ฮาโล เป็นอุปกรณ์ที่ทำมาจากเหล็ก ติดตั้งบริเวณหน้าคนขับคลอบคลุมไปจนถึงศีรษะ รับแรงกระแทกจากกำแพงยางข้างสนามที่มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ในยามที่เกิดอุบัติเหตุและรถพุ่งเข้าใส่ด้วยอัตราความเร็ว 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

จากนั้นก็ถูกพัฒนาออกแบบมาเรื่อยๆ เพื่อให้การติดตั้งไม่เป็นอุปสรรค์ต่อทัศนวิสัยการมองเห็นของนักขับ ควบคู่กับอุปกรณ์อื่นๆที่มีการนำเสนอขึ้นมาเช่นกัน อย่างแผ่นกระจกใส่ที่ติดตั้งบริเวณหน้าคนขับ ซึ่งถูกนำมาทดลองใช้ในปี 2016 แต่ด้วยปัญหาในการมองเห็น จึงทำให้ถูกปัดตกไป เหลือเพียงแค่เจ้า ฮาโล ที่ยังได้รับการพัฒนาต่อไป

แต่ด้วยการติดตั้งของ ฮาโล ที่อยู่หน้าคนขับ จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ในช่วงก่อนการนำมาใช้แรกๆจะมีหลายเสียงจากนักขับที่ไม่เห็นด้วย เพราะมันจะทำให้ทัศนวิสัยลดลง แต่ในขณะเดียวกันนักขับหลายคนก็เห็นด้วยในแง่ของความปลอดภัยที่ต้องมาเหนือการแข่งขัน และก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นอุปสรรค์ในการขับแต่อย่างใด

ฮาโล ที่ถูกติดด้านหน้าคนขับเพื่อความปลอดภัย

สุดท้าย ฮาโล ถูกพัฒนาต่อยอดจนไปลงตัวที่การผลิดจากไททาเนี่ยม เหลือน้ำหนักเพียงแค่ 9 กิโลกรัม แถมยังสามารถรองรับแรงกระแทกได้สูงเทียบเท่ากับน้ำหนัก 12 ตัน อีกทั้งยังผ่านการวิจัยจาก FIA ฝ่ายจัดการแข่งขันมาอย่างละเอียด ว่ามันช่วยเซฟความปลอดภัยให้กับนักขับในเปอร์เซ็นต์ที่สูงมากๆ

บทสรุปสุดท้าย FIA ประกาศว่าทุกทีมในศึก F1 และ F2 จะต้องติดตั้ง ฮาโล บนตัวรถในฤดูกาล 2018 และในปีเดียวกันนี้เอง ฮาโล ก็ได้ตอบทุกคำถามว่ามันสามารถช่วยชีวิตนักขับได้จริงๆ จากเหตุการณ์ที่ เฟร์นานโด อลอนโซ่ ชนเข้ากับ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ จนรถของ อลอนโซ่ ลอยอยู่บนอากาศ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจากการช่วยชีวิตของ ฮาโล นี่เอง

หรือในฤดูกาลเดียวกัน ฮาโล ก็ได้ตอกย้ำว่ามันช่วงเซฟความปลอดภัยได้จริงๆ จากเหตุการณ์ที่รถของ มาร์คุส เอริคส์สัน เสียหลักตีลังกาหลายตลบ แต่เจ้าตัวสามารถเดินออกจากรถได้แบบไร้บาดแผลใดๆ

หลังจากนั้น ฮาโล ก็ถูกพัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆ เพื่อให้มีความลงตัวกับรถมากขึ้น และในหลายๆเหตุการณ์แล้วเหตุการณ์เล่า ฮาโล ก็คอยเซฟชีวิตนักขับมาเรื่อยๆ จนเป็นที่ยอมรับมาถึงปัจจุบัน

ภาพที่เห็น ฮาโล กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวรถฟอร์มูล่าวัน ในแบบที่กลมกลืนมากขึ้น แถมยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การแข่งขัน F1 ดูเป็นภาพที่มีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ชีวิตของนักขับที่ต้องอยู่บนโลกความจริง ย่อมมีความสำคัญกว่าผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นในสนาม