“แม็กซ์” ไม่พลาดในโฮมเรซที่บ้านเกิด “ดัตช์ กรังด์ปรีซ์” คว้าแชมป์ต่อเนื่องจากปีก่อน และเป็นสนามที่ 10 ของซีซั่นนี้ “รัสเซลล์” ยังเหนียว ขึ้นโพเดียมตามติด “เลอแกลร์” มาอันดับ 3
แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน แชมป์โลกจาก เร้ดบูลล์ เรซิ่ง คว้าแชมป์ ฟอร์มูล่า วัน สนามที่ 10 ของฤดูกาลนี้ใน ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากคว้าโพลในวันก่อนหน้า แต่ตลอดการแข่งขันเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและเหตุการณ์มากมาย โดยอันดับ 2 เป็นของ จอร์จ รัสเซลล์ จาก เมอร์ซิเดส ที่มาแรงตั้งแต่รอบซ้อม ตามด้วย ชาร์ลส์ เลอแกลร์ อีกหนึ่งคู่แข่งลุ้นแชมป์จาก เฟอร์รารี่
ที่ ซานด์ฟอร์ต รอบแรกไม่มีปัญหาสำหรับตำแหน่งท็อป 5 เมื่อ แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน ปิดมุมไม่ให้ ชาร์ลส์ เลอแกลร์ ขึ้นนำได้ ที่เปลี่ยนแปลงคือ ลันโด นอร์ริส อันดับ 7 แซงหน้า จอร์จ รัสเซลล์ มาในอันดับ 6 แต่นำอยู่เพียงไม่นาน จากนั้นรอบถัดมา เควิน แม็กนุสเซ่น ทีมฮาส ไถข้างรถกับกำแพงกั้นขอบสนาม และล้อหน้าซ้ายของ ลูอิส แฮมิลตัน เฉี่ยวข้างรถของ คาร์ลอส ไซนซ์ แต่ดูเหมือนทั้งสองยังไปต่อได้อย่างไร้ปัญหา
ครู่หนึ่งมีฝนปรอยลงมาเล็กน้อย สภาพอากาศอึมครึม แต่ไม่มีรถคันไหนตัดสินใจเปลี่ยนเป็นยางสำหรับพื้นเปียกและการแข่งขันดูจะดำเนินต่อไปตามปกติ จนถึงรอบที่ 15 ก็เกิดความผิดปกติกับ เฟอร์รารี่ เมื่อ ไซนซ์ ใช้เวลาในพิตถึง 12.7 วินาที คาดว่ามาจากการใส่ล้อซ้ายหลังไม่แน่นหนา
3 รอบถัดมา ผู้นำ 2 คันเริ่มเข้าเปลี่ยนยาง ทำให้มีการเปลี่ยนอันดับเล็กน้อย แต่เมื่อถึงรอบที่ 28 นักขับดัตช์ก็กลับขึ้นมาเป็นผู้นำอีกครั้ง และเมื่อผ่านไปกึ่งหนึ่งของการแข่งขัน เวอร์สเตปเปน และ เลอแกลร์ ก็กลับขึ้นมาเรียงอันดับ 1-2 ตามด้วย เซอร์จิโอ เปเรซ
ยูกิ ทซึโนดะ ทีม อัลฟ่า เทารี พอรถจอดข้างสนามในรอบที่ 45 และวิทยุแจ้งทีมงานว่ามีล้อไม่แน่น แต่ได้รับคำตอบให้ขับต่อไปที่พิต และเมื่อเข้าไปก็ใช้เวลานานกว่าครึ่งนาที เมื่อกลับออกมาไม่นานก็โดนคำสั่งให้หยุด ต้องออกจากการแข่งขัน เป็นอีกครั้งที่มีธงเหลือง และมี เวอร์ช่วล เซฟตี้ คาร์
จากนั้นไม่กี่รอบ เซฟตี้ คาร์ และธงเหลืองก็ออกมาอีกครั้ง เมื่อรถของ วัลเตรี บ็อตตาส จาก อัลฟ่า โรเมโอ เครื่องดับและหยุดไปดื้อๆ ในแทร็ค ทำให้กลุ่มผู้นำใช้โอกาสนี้เข้าพิตอีกครั้ง น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อทำเวลาและทำอันดับให้ดีที่สุดก่อนเข้าช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน
รอบที่ 61 เมื่อไฟเหลืองดับลง เวอร์สเตปเปน เรียกเสียงเฮจากกองเชียร์ด้วยการแซง แฮมิลตัน จากยางซอฟต์ที่สดใหม่กว่า และใช้ DRS กับมุมนอกที่ดีกว่า และ แฮมิลตัน ก็ตกอันดับลงไปเรื่อยๆ โดน รัสเซลล์ แซงหน้า จากนั้น เลอแกลร์ ก็แซงไปอีก
เหลืออีกไม่กี่รอบของการแข่งขัน ไซนซ์ โดนปรับโทษ 5 วินาที เนื่องจากออกจากพิตแบบไม่ปลอดภัยครั้งหนึ่ง ทำให้รถของ เอสเตบัน โอคอน ที่ออกมาจากพิต อัลพีนต้องเบรกกะทันหัน
เหลือ 3 รอบสุดท้ายของการแข่งขัน ท็อป 4 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไซนซ์ ที่มาเป็นอันดับ 5 โดนปรับโทษร่วงลงไปในอันดับ 8 ทำให้ เปเรซ ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ตามด้วย เฟร์นานโด อลอนโซ่ และ ลันโด นอร์ริส
ขณะที่ อเล็กซ์ อัลบอน นักขับไทยทีม วิลเลี่ยมส์ ออกสตาร์ทด้วยอันดับ 15 ช่วงหนึ่งของการแข่งขึ้นมาในอันดับ 10 แต่เมื่อเข้าพิตเปลี่ยนยางแล้วกลับออกมาต้องไล่คันข้างหน้าอย่างหนัก ก่อนจบด้วยอันดับ 12 ไม่ได้คะแนนในสนามนี้
ฟอร์มูล่า วัน สนามถัดไป อิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ 9-11 ก.ย. นี้ ติดตามถ่ายทอดสดทางช่อง ทรูสปอร์ต1 (666) ครบทุกรอบ
F1DRIVE
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial