“มอนซ่า เซอร์กิต” สุดยอดสนามที่สร้างขึ้นเพื่อความตั้งใจในการเป็นพื้นที่แข่งขันอันเก่าแก่ และเป็สนามที่ทำความเร็วได้มากที่สุด การกลับที่อิตาลีกับความหวังในการลุ้นแชมป์ครั้งสุดท้ายของ “เฟอร์รารี่” จะเป็นไปได้หรือไม่
มอนซ่า เซอร์กิต สนามเก่าแก่ที่สุดในยุโรปพื้นที่แผ่นดินใหญ่ ไม่นับเกาะอังกฤษ เพราะถ้านับก็มีบรู๊คแลนด์ที่เก่าแก่กว่า เป็นสนามที่สร้างมาเพื่อรองรับการแข่งขันโดยเฉพาะ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1922 ที่นี่จึงไม่ใช่การแข่งขันพื้นถิ่น แต่เป็นการแข่งขันแบบเอาจริงเอาจัง มาตั้งแต่ก่อนเริ่มต้น ฟอร์มูล่า วันชิงแชมป์โลกในหลายสิบปีต่อมา
มอนซ่า เป็นเมืองขนาดเล็กอยู่ทางตอนเหนือของ มิลาน ที่นี่มีการรวมตัวของกลุ่ม มิลาน ออโต้โมบิล คลับ ที่รวบรวมทุนกับก่อสร้างสนามเมื่อปี 1922 ใช้เวลากว่า 6 เดือนและคนงานกว่า 3,500 คน ที่นี่แตกต่างจากที่อื่น เพราะไม่ได้วางแปลนไว้เป็นแทร็คแบบเดียว แต่มีส่วนต่อขยายที่จะใช้หรือไม่ใช่ก็ได้ 3 ระยะ 3.4 4.5 และ 5.5 กม. รวมอยู่ในพื้นที่ 10 กม. ทั้งหมด และเริ่มการแข่งขันครั้งแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ก.ย. ปีนั้นเอง
รูปแบบสนามที่เห็นในปัจจุบันดูแปลกตา มีพื้นที่หลักที่แข่ง ฟอร์มูล่า วัน 5.793 กม. แทร็คย่อยขนาดเล็กซ้อนกัน 2.405 กม. และโค้งวงรี 4.250 กม. เป็นพื้นที่ที่ทำความเร็วได้สูงมาก (High Speed Oval)
6 ปีต่อมา มีนักขับเสียชีวิตทำให้มีการจำกัดพื้นที่สนามในโค้งวงรี และตลอด 10-20 ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งกฎการแข่ง พื้นที่หรือวงโค้งรอบสนามสำหรับนักขับ เนื่องจากที่นี่มีโปรแกรมการแข่งขันหลั่งไหลมาไม่ขาดทั้งมอเตอร์สเปอร์ 2 ล้อและ 4 ล้อรวมถึงจักรยานด้วย
ปี 1954 หลังจากปรับปรุงสนามใหม่ทั้งหมด มอนซ่า ต้อนรับการแข่งขันเพื่อชิงสุดยอดความเป็นหนึ่งของมอเตอร์สปอร์ต ที่เรียกว่า Race of Two Worlds เป็นการแข่งโชว์ระหว่าง อินดี้ คาร์ และ ฟอร์มูล่า วัน เวลาต่อมา ฟอร์มูล่า วัน ตกลงที่จะใช้แทร็คทั้งหมดความยาว 10 กม. เป็นพื้นที่แข่งขัน และใช้อยู่นานหลายปี แม้ไม่มีอุบัติเหตุใดๆ แต่ท้ายที่สุดมีการลงความเห็นว่า โค้งวงรีความเร็วสูงออกจะอันตรายไปสักหน่อยจึงปรับลดจากพื้นที่นั้นลงมา
มอนซ่า เซอร์กิต สามารถทำความเร็วสูงได้ง่ายกว่าที่ สิงคโปร์ หรือ โมนาโก ที่สนามค่อนข้างแคบ แซงยาก พื้นแทร็คมีความกว้าง แต่ก็มีบางช่วงโค้งที่มีความแคบ และปี 1972 ก็มีการเพิ่มโค้งขึ้นมาอีก จากนั้นมีการปรับปรุงสนามอยู่เรื่อยๆ ตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น แทร็คจึงต้องตอบสนองต่อรถอย่างเต็มที่ และอู่รถหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ต้องใช้งานได้ดี
ถึงจะเห็นในแผนที่ว่าที่นี่มี 11 โค้ง แต่มีอยู่ 3-4 จุดที่รวมโค้งไว้ด้วยกัน หลังจากออกตัวแต่ละคันจะทำความเร็วเฉลี่ย 340 กม./ชม. จากนั้นต้องเบรกที่โค้งแรก ระยะเบรก 120 เมตร และเมื่อมาถึงโค้งหักศอกที่โค้ง 6 ความเร็วจะเหลือ 86 กม./ชม.
เจ้าของสถิติความเร็วต่อรอบสูงสุดเป็นของ ลูอิส แฮมิลตัน ปี 2020 เวลา 1:18.887 นาทีที่ความเร็วเฉลี่ย 264.362 กม./ชม. และที่นี่เป็นสนามที่เกิดข้อพิพาทรุนแรงในการแย่งแชมป์โลกปีก่อนกับ แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน ทั้งสองออกจากการแข่งขัน และในที่สุด แชมป์เป็นของ แดเนี่ยล ริคคาร์โด้ อย่างเหนือคาดหมาย
ที่นี่มี เฟอร์รารี่ ทีมสัญชาติอิตาเลี่ยนที่มีแฟนๆ ทั่วโลกและครองความยิ่งใหญ่ เป็นแชมป์มากถึง 20 ครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งหวังอย่างยิ่งที่จะเห็น ชาร์ลส เลอแกลร์ และ คาร์ลอส ไซนซ์ อยู่บนโพเดียม
F1DRIVE
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial