แม็กซ์ เข้าเส้นชัยตามเซฟตี้คาร์ เลอแกลร์ ชวดแซงรอบสุดท้าย

แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์ อิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ เมื่อ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นแชมป์สนามที่ 30 ในอาชีพ จากการแซงหน้า ชาร์ลส์ เลอแกลร์ ที่คว้าโพลวันก่อนหน้า และอันดับสุดท้ายบนโพเดี้ยมเป็นของ จอร์จ รัสเซลล์ ทีม เมอร์ซิเดส 

เริ่มออกสตาร์ทที่ มอนซ่า เซอร์กิต เลอแกลร์ และ จอร์จ รัสเซลล์ เบียดกันที่โค้งแรก แต่ไม่มีการตรวจสอบใดๆ ส่วน คาร์ลอส ไซนซ์ ขึ้นมา 4 อันดับทันที และ เวอร์สเตปเปน ขยับอันดับขึ้นมา 2 ตำแหน่งจากนั้นเมื่อจบรอบแรก กลายเป็นอันดับ 3 อย่างรวดเร็ว 

ไซนซ์ ทำอันดับขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ ลูอิส แฮมิลตัน จนถึงรอบที่ 12 เกิดธงเหลืองและ เวอร์ช่วล เซฟตี้ คาร์ เนื่องจาก เซบาสเตียน เว็ทเทล จอดรถข้างสนามแต่ไม่กีดขวางถนนแข่ง จนเกือบถึงช่วงกลางการแข่ง 25 จาก 53 รอบ มีการเปลี่ยนผู้นำเล็กน้อยเพราะกลุ่มหัวแถวทยอยเข้าพิต

รอบที่ 32 เฟร์นานโด อลอนโซ่ พารถเข้าพิตและออกจากการแข่งขันด้วยปัญหาทางเทคนิค จนถึงรอบที่ 37 เวอร์สเตปเปน กลายเป็นผู้นำ แต่เวลาเฉ,ี่ยโดยรวม เลอแกลร์ ยังเร็วกว่าเล็กน้อย จากนั้นอีก 4 รอบถัดไป แลนซ์ สตรอลล์ ก็ออกจากการแข่งขัน ทำให้ แอสตัน มาร์ติน ไม่มีคะแนนในสนามนี้

เมื่อเหลือไม่ถึง 10 รอบ แดเนี่ยล ริคคาร์โด้ จอดรถข้างสนามแถวเซคเตอร์ 2 และใช้เวลานานกว่าที่จะยกรถออกไปได้ ระหว่างนี้ฝ่ายควบคุมการแข่งขันไม่ตัดสินใจให้รถที่กำลังแข่งกลับเข้าพิตเพื่อรอการเคลียร์พื้นที่สนาม ปล่อยให้ทุกคันวิ่งตามลำดับไปเรื่อยๆ โดยเซฟตี้คาร์ยังคงนำหน้าอยู่ในรอบรองสุดท้าย จากนั้นมีวิทยุบอกกับ เลอแกลร์ ว่า น่าจะต้องจบโดยไม่มีการแซง ทั้งที่ทั้ง เลอแกลร์ และ เวอร์สเตปเปน เข้าเปลี่ยนยางด้วยความหวังจะไล่หวดกันใน 4-5 รอบสุดท้าย แต่ก็ไม่เกิดขึ้น 

รอบสุดท้าย เซฟตี้คาร์ยังคงนำหน้าขบวนโดยไม่มีการบอกให้แล็ปคาร์ หรือรถที่โดนน็อครอบหลีกทาง และจบด้วยชัยชนะของ เวอร์สเตปเปน ตามด้วย เลอแกลร์ และ รัสเซลล์ 

นิค เดอ ฟรีส นักขับตัวแทนทีม วิลเลี่ยมส์ ที่มาทำหน้าที่ระหว่างที่ อเล็กซ์ อัลบอน รักษาไส้ติ่งอักเสบเก็บ 2 คะแนน ในอันดับ 9 และกลายเป็นนักขับยอดเยี่ยมประจำวัน ได้รับโหวต 24 เปอร์เซ็นต์