ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ สุดยอดประสบการณ์ระดับโลกใกล้บ้าน

เชื่อได้เลยว่า แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยส่วนมาก เคยไปเยือนสนาม บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต หรือ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นคงไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวในรายละเอียดว่าที่นี่เป็นอย่างไร แต่หากใครยังไม่รู้จัก หรือยังไม่แน่ใจว่าควรจะเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์แรกดีหรือไม่ แนะนำว่าต้องไป

สนามแห่งนี้เป็นสนามแข่งรถที่ได้รับการรับรองระดับนานาชาติจากทั้ง FIA และ FIM สหพันธ์ยานยนตร์ทั้ง 2 และ 4 ล้อว่าเป็นสนามมาตรฐานเกรด 1 แห่งแรกและยังเป็นแห่งเดียวในประเทศไทย สามารถจัดการแข่งขัน ฟอร์มูล่า วัน ได้สบาย โมโตจีพี ไม่ต้องพูดถึง ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 แล้ว แต่ละครั้งมีผู้ชมหมุนเวียนไปนับแสน ถ้าอยู่ที่ แกรนด์แสตนด์สามารถเห็นแทร็คมุมกว้างได้ทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดประสบการณ์ขนาดที่สนามแข่งระดับโลกที่อื่นยังทำไม่ได้

ความยาวรอบสนาม 4.554 กม. มี 12 โค้ง ไฮไลท์คือแฮร์พิน โค้งกลับตัวอันสุดท้าย และทางตรงยาวที่สุดระยะ 1 กม. สำหรับมอเตอร์ไบค์สามารถทำความเร็วขึ้นไปได้มากถึง 300 กม./ชม. โดยเจ้าของสถิติที่ทำความเร็วต่อรอบสูงสุดในรุ่นใหญ่เป็นของ มาร์ค มาร์เกซ 1:30.904 นาที 

การแข่งที่ประเทศไทยนับเป็นช่วงปลายซีซั่นที่สำคัญอย่างยิ่งในปี 2022 นี้ เหลือบมองตาราง 219 คะแนน ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ แชมป์ฤดูกาลก่อนนำหน้า ฟรานเชสโก้ บาญาย่า เพียง 18 คะแนน โดยแต้มสูงสุดที่จะเก็บได้ รวมที่บุรีรัมย์ มีอีก 100 คะแนน ถัดลงมาอีกนิด อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่ 194 คะแนนไม่ใช่ไม่มีหวัง ถ้าคนข้างบนพลาดอะไรก็เกิดขึ้นได้ 

“เปคโค่” ค่อนข้างดุดัน เป็นแชมป์ถึง 6 สนามในปีนี้ แต่มองมุมกลับ การแข่งไม่จบ 5 สนามก็อันตรายมาก เพราะมันหมายความว่าเขาเปิดหน้าแลกหรือขับแบบหาญกล้า บุกสู้อย่างชัดเจน ซึ่งมันมีทั้งดีและเสีย ดูจากตรงนี้เหมือนว่ามันจะเสียมากกว่า ขณะที่ กวาร์ตาราโร่ พยายามประคองตัวขอให้แข่งจบ และพยายามเก็บแต้มในทุกสนาม บางครั้งเขาไม่หวังสูงด้วยซ้ำ ขอแค่มีแต้ม

ดังนั้นหากว่าด้วยแชมป์ 3 เรซ 4 โพเดี้ยม และแข่งไม่จบเพียง 2 สนาม การจัดการของนักบิดแชมป์โลกดูดีกว่า กระทั่ง เอสปาร์กาโร่ ที่มีแชมป์สนามเดียว 5 โพเดี้ยม แข่งไม่จบครั้งเดียวจากเรซล่าสุดในญี่ปุ่นเพราะรถมีปัญหา ต้องพารถไปเปลี่ยนหลังออกสตาร์ทและไม่ได้คะแนน ยังอาจเรียกได้ว่าขับประคองตัวมาอย่างดี 

ขณะที่อันดับ 4 อย่าง อีนิอา บาสเตียนีนี่ ก็เป็นคนที่จะมองข้ามไม่ได้ เขาคว้าแชมป์ไปแล้ว 4 สนาม แต่ที่อันดับอยู่ไกล กวาร์ตาราโร่ ก็เพราะแข่งไม่จบ 4 เรซ โอกาสคว้าแชมป์ของเขาเป็นไปได้อย่างยากลำบาก แต่เขาอาจสอดแทรกขึ้นมาเพื่อพยายามพาตัวเองทำแต้มให้ได้มากที่สุดจนอาจเป็นตัวแปรสำคัญ และอย่าลืมว่า มาร์ค มาร์เกซ กำลังกลับมา โพลที่ โมเตกิ และเกือบจบบนโพเดียมมีความหมายบางอย่าง แม้ในปลายซีซั่นนี้สำหรับอดีตแชมป์โลกชาวสเปนดูเหมือนซ้อมทำผลงานเพื่อที่จะเตรียมตัวพบของจริงในซีซั่นหน้าก็ตาม

พิเศษอีกนิด โจนมีร์ บาดเจ็บ ทำให้แฟนๆ จะได้ชมทั้ง ดานิโล่ เปตรุชชี่ และ คาร์ล ครัชโลว์ เรียกได้ว่าการแข่งครั้งนี้เต็มไปด้วยโบนัสของแถมมากมายอย่างคาดไม่ถึงทั้งในและนอกสนาม แต่ถ้าไปถึงสนามไม่ไหว ทรูวิชั่นส์ ช่อง 689 SPOTV มีให้ชมถ่ายทอดสดตั้งแต่ต้นจนจบ 

นอกจากรุ่นใหญ่ รุ่นรองๆ ยังมากันอย่างครบถ้วน โมโตทู มีนักขับไทยที่ทั่วโลกจับตาอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ข่าวล่ามาแรงคือปีหน้า แฟนๆ จะยังเห็นเขาโลดแล่นกับ อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย เช่นเคย ตามแถลงการของทีม โดยจะยังมีเพื่อนร่วมทีมเป็น ไอ โอกุระ นักบิดชาวญี่ปุ่นที่กำลังลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้

สมเกียรติ มี 120 คะแนน เป็นอันดับ 9 ไม่ได้ลุ้นอะไรนอกจากจบให้ดีที่สุด เขาเริ่มต้นดุดัน แต่อาจดุดันเกินไป ล้มบ่อย ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นประสบการณ์อันทรงคุณค่า และจากแรงใจมากมาย เขาประกาศแล้วว่าปีหน้าจะลุ้นแชมป์ให้ได้ โดยกล่าวว่า

“ผมภูมิใจที่ได้ขับต่อเป็นฤดูกาลที่ 5 กับ อิเดมิตซึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย ในปี 2022 การขับของผมพัฒนาขึ้นมาก การจัดการก็ดีขึ้น ผมมีช่วงเวลาที่ลืมไม่ลงที่ อินโดนีเซีย ผมมั่นใจว่าปี 2023 ผมจะลุ้นแชมป์”

ทั้งหมดที่ว่ามานี้สามารถเห็นได้ด้วยตัวเองที่สนาม หรือทาง SPOTV (689) โมโตจีพี ไทย กรังด์ปรีซ์ 30 ก.ย. - 2 ต.ค. นี้